13 เม.ย. 2554

ความรัก



       ความหมายของความรัก จริงๆมีแค่นี้เอง คือ ความรู้สึกอยากเติมในสิ่งที่ขาดหายไป เพื่อรักษาความสมดุลย์ของชีวิตไว้ หนึ่งคือ สิ่งที่ขาดหายไป เช่น สิ่งที่คั่งค้างมาจากอดีต สองคือสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ล่วงหน้า และอันที่สามคือ ความเป็นสมดุลย์ของธรรมชาติ สิ่งคั่งค้างในอดีต คือ สิ่งที่เราเคยมีประสบการณ์มาในอดีต จากผู้เป็นพ่อและแม่ เช่น เราชอบแม่แบบนี้ โตขึ้นเราก็อยากมีคู่รัก ที่มีรูปร่างหน้าตา หรือนิสัยอย่างแม่ เราไม่ชอบพ่อ แม่แบบนี้ โตขึ้นเราก็จะแสวงหามาเพื่อต้องการล้างแค้นก็ได้ จึงไม่ต้องแปลกใจว่า หลายคนที่เกลียดพ่อที่เจ้าชู้ ที่กินเหล้าเมายา หรือไม่ค่อยรับผิดชอบ แต่โตขึ้นกลับเลือกคู่ที่กินเหล้าเมายา เจ้าชู้ ไม่รับผิดชอบ เรียกว่าความรักจึงเป็นโรคที่คั่งค้างมาจากอดีต อันที่สองคือความรู้สึกที่ต้องการเติมในสิ่งที่ขาดหายไป อันเนื่องมาจากที่ตัวเองได้ตั้งเป้าหมายไว้ล่วงหน้า เรียกว่าใฝ่ฝันว่าคนที่เรารักควรจะเป็นอย่างนี้ มีลักษณะอย่างนี้ จึงเรียกว่าพอเจอปั๊บก็เรียกว่าตรงสเป็ค เพราะเราไปคิดตั้งไว้ จากอดีตมาอนาคต ว่าคนที่เรารัก ควรจะเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นอย่างนี้ จึงเป็นโรคอันที่สอง ส่วนอันที่สามนั้นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องการเป็นคู่กัน เป็นสมดุลย์ของชีวิต เรียกว่าความรักเป็นสิ่งที่ต้องเติมในสิ่งที่ตัวเองขาด ขาดคู่ หรือหายไป ขาดความรักมาครั้งหนึ่ง หรือไม่เคยได้เลย หายก็อาจจะเคยได้รับ แล้วปัจจุบันนี้ หรือเดี๋ยวนี้ไม่ได้รับ ปัจจุบันก็ต้องการเติม ความรักที่เป็นธรรมชาติที่สุดคือต้องการสมดุลย์ ต้องการความเป็นคู่เพื่อรักษาความสมดุลย์ของชีวิตเอาไว้ จะได้ต่อตระกูล ฉะนั้นความรักจึงไม่มีเหตุผล เป็นอารมณ์ แต่ความรักที่สวยงาม เกิดจากอารมณ์รักแล้ว ก็ต้องตามด้วยเหตุผลและการทำรัก อารมณ์นั้นมันรู้สึกได้เอง อยากจะพบอยากจะคุย อยากจะเห็นหน้า อยากจะอยู่ใกล้ชิดกัน โดยไม่ต้องมีเหตุผล ส่วนเหตุผลตามมา คือพิจารณาว่าเหมาะสมมั๊ย ตั้งแต่เรื่องของเจตคติ ค่านิยม ความเชื่อ พฤติกรรมนิสัย มองโลกในด้านอะไร สภาพทางครอบครัว ทางสังคม ทางกฎหมาย แล้วจึงตามด้วยการกระทำของความรัก การทำรัก ความรักคือการพูดดี ทำดี เอาใจใส่ดีต่อกัน ความรักจะเป็นการพูดร้ายป้ายสี ทำร้ายกัน และมัวแต่ใส่ร้ายกันไม่ได้ ความรักแท้จริงจึงมีแต่การพูดดีทำดี เอาใจใส่ดี เรียกว่าการพึ่งพาอาศัยกัน ส่วนหนึ่งคือร่างกาย การปกป้องคุ้มครอง เรื่องเพศก็เป็นการพึ่งพาอาศัยกันได้ หรือด้านจิตใจ สามารถปลอบใจเราได้ยามทุกข์ สามารถให้กำลังใจเราได้ยามขาด หรือให้คำปรึกษาในเรื่องราวต่างๆ เป็นเพื่อนคุยเราได้ ก็เป็นการพึ่งพาอาศัยทางจิตทางใจเราได้ และในด้านสภาพสังคม สามารถช่วยเหลือเราได้ในเรื่องงาน เงินทอง หรือชื่อเสียงตำแหน่ง หรือความมีเกียรติในสังคม ความยอมรับในสังคม พึ่งพาอาศัยกันได้ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น นี่คือความรัก มีแค่นี้เอง ความรักที่อับเฉาจึงเริ่มต้นจากการคาดหวังกัน เอาชนะกัน คอยควบคุมกัน เรียกว่าจะเอาเขาเป็นของเราคนเดียวได้ นั่นอันตรายมาก ตัวเรายังไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย แล้วจะควบคุมอะไรใคร เมื่อไหร่เราคอยจะควบคุมนิสัยใจคอคนอื่น เมื่อนั้นเราเองจะถูกคนอื่นควบคุม ฉะนั้นความรักจึงต้องเป็นอิสระ ต่างต้องเป็นตัวของตัวเอง ใครก็แล้วแต่ที่คิดว่าเมื่อแต่งแล้ว เมื่อรักแล้ว จะสามารถเปลี่ยนนิสัยอีกฝ่ายหนึ่งได้ เมื่อนั้นตัวเองจะไม่มีโอกาสเปลี่ยนนิสัยตัวเองเลย

จาก สโมสรจิตวิทยา

ไม่มีความคิดเห็น: