29 เม.ย. 2554

สัจจะ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

สัจจะตัวเดียวนี้ มีอภินิหารทั้ง ทาน ศีล ภาวนา สัจจะตัวเดียวมีอภินิหารมาก อภินิหารแผลงฤทธิ์ได้ด้วย อยู่ยงคงกระพันเสียด้วย แล้วสามารถจะทำงานสำเร็จทั้งคดีโลกคดีธรรม ตัวอย่างว่าญาติโยมมีสัจจะไหม มีความจริงในชีวิตไหม ถ้าไม่มีขอให้สร้างเสียแต่บัดนี้ ไม่ใช่มานั่งหลับหูหลับตาเลย

ข้าพเจ้าจะเดินจงกรม ข้าพเจ้าจะนั่งภาวนา ๑ ชั่วโมง ไม่ถึง ๑ ชั่วโมงข้าพเจ้าจะไม่เลิก วันนี้ข้าพเจ้าตั้งใจจะตักน้ำซัก ๒ หาบ ต้องตักให้เต็ม ๒ หาบ ถึงจะมีสัจจะ

คนชาวพุทธส่วนมากทำอะไรไม่ได้ผลเพราะ เสียสัจจะ
สัจจะตัวเดียวเท่านั้น ไม่ต้องไปเอาตักบาตร ทำบุญให้ทานมากมายหรอก ญาติโยมก็ไม่เข้าใจทำบุญเสียอีก มีอะไรทำบุญหมด แต่โยมไม่เข้าใจตามคำสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแบ่งปันใช่ไหมเล่า แบ่งปัน แบ่งสันปันส่วน โยมแปลว่าอย่างไร แบ่งสรรปันส่วนนี่ บางทีโยมผู้เฒ่าผู้แก่จะว่า “หนูมีนาเอามาให้ยายนี่ ยายจะทำบุญให้หมด หมดเลยนะ” อย่างนี้เรียกว่าแบ่งสรรปันส่วนเรอะ ไม่ใช่ พระพุทธเจ้ามีแต่ให้แต่ไม่รับ ไม่รับตรงข้อไหน โยมรู้ไหม เดี๋ยวโยมจงฟังต่อไป พระพุทธเจ้าไม่รับอะไร แต่อย่างอื่นรับนะ ไม่รับอยู่ข้อเดียวคืออะไร ญาติโยมฟังต่อไป


อาตมาเคยเห็นมาหลายคนแล้ว ตั้งใจว่าข้าพเจ้าจะเดินจงกรม ๑ ชั่วโมง นั่งภาวนา ๑ ชั่วโมง พอนั่งไปได้สัก ๔๐ นาที ก็ว่าสายหน่อยค่อยนั่งต่อไป หลายคนบางทีนั่งไปก็ว่านอนก่อนเถอะ หรือให้เด็กมันหลับก่อนค่อยปฏิบัติต่อเถอะ อย่างนี้ไม่ได้อะไรเลยนะ ไม่ได้จริง ๆ ด้วย เพราะเสียสัจจะ สัจจะลบหมดเลย ไม่ต้องไปสร้างที่ไหนแล้ว แล้วไม่ต้องสร้างบารมีต่อไป ทานก็ไม่มี ศีลก็ไม่เกิด นี่ธรรมะก็ไม่เกิดด้วย ปัญญาบารมีจะเกิดได้อย่างไร เพราะขาดสัจจะ เดี๋ยวนี้ขาดตัวนี้ ไต้องไปเอาอะไรอย่างอื่นหรอก สัจจะไม่มีเลย คนที่มีสัจจะนี่ปืนยิงไม่ออก ระเบิดก็ไม่ระเบิดเสียด้วย นี่ ตัวสัจจะ สำคัญมาก
ถ้ามีหัวใจมีสัจจะเป็นทุนหลัก โยมที่จะทำให้สำเร็จมีทุนหลักไหม ถ้ามีทุนหลัก มีคนมาร่วม มาร่วมแล้วมีคนอุปถัมภ์ด้วย ทุนหลักตัวเดียวคือซื่อสัตย์สุจริต มีสัจจะไม่โกหกตัวเอง แล้วไม่หลอกตัวเอง ไม่ต้องจำต้องกล่าวว่าจะไปหลอกคนอื่นเขา ที่เราไปหลอกคนอื่นนี่เท่ากับว่าเราหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลอกมาเป็นคนเก๊มานานมาก ญาติโยมโปรดทราบเถิดว่า หัวใจของเราคือสัจจะ มรรคสัจจะ สัจจะในองค์มรรค ถ้าเราไม่มีสัจจะ มรรคไม่เกิด ไม่เกิดแน่ จะนั่งวิปัสสนา มรรคไม่เกิดแน่
อาตมาเคยเดินธุดงค์กับหลวงพ่อดำในป่า ก็ต้องใช้สัจจะอีก หลวงพ่อดำอายุกี่ร้อยปีนะ อาตมาก็เคยเดินธุดงค์ไปกับท่านในป่า อาตมายังไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อแล้ว ท่านบอกว่า คุณเป็นคนจริงหรือเปล่าเราก็ยังไม่รู้ความหมาย ก็ตอบท่านว่าไม่ทราบ ท่านจึงบอกว่า “จำไว้ถ้ามีสัจจะเป็นคนจริง ถ้าไม่มีสัจจะจะใช้อะไรได้เลย ทุกอย่างเสียหมดแล้ว ไม่ต้องอธิษฐานอะไรไม่ขึ้นจริง ๆ” ท่านว่าอย่างนี้

นี่โยมคงเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อดำ ท่านไม่ได้ชื่อดำหรอกนะ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร แต่อาตมาเรียกท่านอย่างนั้นเอง ไม่ทราบว่าอายุกี่ร้อยปี แล้วยังอยู่ด้วยนะ มีสัจจะก็จะเห็นนะ ไม่มีสัจจะก็จะไปไม่ถึง องค์นี้หรือ อาตมาจะไม่ขอกล่าวต่อไป

ไปพบสัจจะเป็นมรรคสัจจ์ แปลเสียให้สั้น ๆ ในหลักวิชาการนี่มันไม่เหมือนกับวิธีปฏิบัติ วิชาการกับภาควิธีปฏิบัติมันต่างกัน คำว่า มรรคสัจจ์ มีสัจจะเกิดมรรค ใช้อย่างนี้ทับศัพท์เลย คนไหนไม่มีสัจจะจะเกิดมรรคไม่ได้ มรรคมรรคาไม่ได้ ต้องมีมรรค ๘ ในทฤษฎี แต่โยมขาดสัจจะก็มีมัก ๒ มักเกิดเลย โยมรู้ไหมว่า มัก ๒ มัก คืออะไร คือมักง่าย กับมักได้

แน่นอน คนไม่มีมรรคสัจจ์ คนนั้นมี ๒ มัก โยมไปสังเกตดู คนไหนทำอะไรง่าย ๆ ส่งเดชไป ก็มักจะมักได้เสียด้วย เอาแต่ได้แต่ไม่ยอมเสีย แต่พอหันมุมกลับ
คนไหนเสียสละได้ เสียสละเพื่อได้ ได้อะไร ได้บุญ ได้คุณประโยชน์ นี่ถึงอย่างงี้นา เห็นแก่ได้เลย ๒ มักนั้นแทนจำไว้
มรรคสัจจ์ คือสัจจะเป็นมรรค ถ้าคนไหนไม่มีสัจจะ ไม่มีความจริงแล้ว ไม่ได้มรรค ไม่ได้ผล ไม่ได้นิพพาน ไม่ต้องไปหานะ จะเห็นผลไปเรื่อย ๆ โยมนั่งเป็นยังไง สบายมากเลย นั่งถึงหนึ่งชั่วโมงไหม ฉันก็ตั้งสัจจะทุก ๑ ชั่วโมง เวลาจะเลิกไม่ถึงทุกที นี่ไม่มีสัจจะ จะตายก็ให้มันตายซิ เลือดเนื้อจะเหือดแห้งไป ข้าพเจ้าขอยอมตาย เอาปณิธานของพระพุทธเจ้ามาใช้สิ
วิธีปฏิบัติเบื้องต้นนี้โยมโปรดทราบ โยมเคยคิดหรือไม่ ๑ นาทีหายใจเข้าไปกี่ครั้ง ๑๘ ครั้ง นอนหลับเหลือ ๑๕ ครั้ง คนที่นอนปลุกตื่นยาก ๑๓ ครั้ง คนที่มีสมาธิเหลือ ๑๐ ครั้ง และจะลดลงเรื่อย เหลือ ๘ เหลือ ๔ เหลือ ๒ เหลือ ๑ แล้วเข้าสู่เอกัคคตา แล้วเข้าสู่นิโรธสมาบัติไปตามลำดับ

พระบางองค์ท่านพูดว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ถามซิว่าท่านปฏิบัติได้ไหม ทำไม่ได้หรอก อาตมาพูดชั้นต่ำ ๆ ที่อาตมาทำได้จึงพูด สูง ๆ ทำไม่ได้ ข้อปฏิบัติสูง ๆ ที่นำมาพูด เช่นเรื่องนิพพานนี่ อาตมาไม่ถึง ถึงแล้วจะบอกให้ ตอนนี้ไปไม่ถึง ยังเป็นพระอรเหอยู่นี่ เหไปช่วยเหลือเขาทางนั้น เหไปช่วยเหลือเขาทางนี้

เดี๋ยวนี้เข้าไปหาพระอรหันต์กันมาก สร้างวัดสร้างวาอย่างกับปราสาทราชวัง พระประเภทนี้อยู่ในป่าเยอะ โยมอยากไปจะพาไป ประเภทสงบจะอยู่ในอรัญราวป่ามากมายจริง ๆ พูดแต่ละคำ แหม มันซึ้งเข้าไปถึงหัวใจจริง ๆ
พระพวกนี้ทั้งแหลมทั้งคม พูดจาสั้น ๆ คมคาย คมติดสัน พูดแต่ละคำน่าคิดเอาประดิษฐ์สร้างสรรค์ พระประเภทนี้อยู่ในป่าจริง ๆ พูดจาคมคาย สั้น ๆ นี่อย่าลืม เช่นหลวงพ่อดำ อาตมาตั้งชื่อท่านเอาเอง ที่เขาลงหนังสืออาจจะไม่ใช่องค์นั้น หรืออาจใช่ก็ได้ แต่ทำไมมีอายุยาวนานนัก มันเรื่องแปลก บางครั้งก็เจอที่กรุงเทพฯ บางครั้งก็เจอที่ภาคเหนือ บางที่เจอที่พม่า พระประเภทนี้บางทีนึกเข้า จิตถึงก็เจอ

เพราะฉะนั้นเรื่องลมหายใจ เรื่องการนับลมนี่ อาตมาจับจุดได้ที่ประเทศจีน นี่ได้แล้วมาลองโทรจิตให้เป็นตัวหนังสือ สามารถออกไปติดตรงโน้นได้ นี่เรื่องลมหายใจ สอนลูกสอนหลานได้เลย ไม่ต้องไปว่าพุทโธ สัมมาอะระหัง พองหนอ ยุบหนอแต่ประการใด เพราะเป็นอานาปานสติเหมือนกันหมด แต่เราใส่อารมณ์กรรมฐานอย่างไร โดยสมถะ หรือวิปัสสนา ขันธ์ ๕ รูปนามเป็นประการใด ของอาตมาพิสูจน์ได้แล้ว พิสูจน์อย่างนักศึกษา เหมือนเราเป็นนายแพทย์ นี่เอาคนไข้มารักษาถึงจะรู้ ถึงจะเชี่ยวชาญในประสบการณ์เกี่ยวกับวิชาแพทย์ มาจากคนไขดังนี้

ทีนี้มีเด็กชั้นประถมศึกษาที่เรียนหนังสือไม่เก่ง นี่วิธีสอนสำหรับลูกหลานนะ ไม่ใช่สอนญาติโยม โยมควรจะจำได้เป็นอันเดียวกันคือ อารมณ์หายใจเข้าออกนี่เอง จะสังเกตได้มั๊ยว่า เมื่อมีโลภะ โลภะมันจะทำให้หายใจผิดปกติยาว ๆ นะ โทสะนี่หายใจสั้น ๆ ลงไปแล้วกระตุกด้วยนะ กระตุกหนักเข้า ถ้าเลยกว่า ๕๐% ถึง ๖๐% เมื่อไหร่ ลงมือลงไม้เลย นี่โทสะ แล้วบางคนมีอำนาจโมหะ หายใจไม่เป็นปกติ หายใจเฮือก ๆ นี่คนมีอำนาจโมหะ ไม่อยากมองหน้าใคร ไม่อยากฟังของใครด้วย ไม่อยากเอาความคิดเห็นของคนอื่นเขา นี่โมหะชัดมาก มีโมโหโทโสเกิดขึ้นอย่างไร ไม่ต้องไปเจริญกรรมฐานอย่างอื่นนะ ไม่เอาละ หายใจยาว ๆ อย่าไปนั่งคุยกับใคร อย่าให้อารมณ์ออกไปข้างนอก อารมณ์คนเดียว หายใจยาว ๆ เถอะ เดี๋ยวรู้เลยลูกกุญแจอยู่ไหน รู้ว่า เอ๊ เงินทองมันหายไปที่ใด บางทีเราเปลี่ยนที่ มันใจร้อนใจรนทุกประการ แล้วก็ทำให้หาของไม่เจอ ขอให้ไปนั่งเฉย ๆ ในห้องภาวนา เพราะฉะนั้นตามที่ราชการนี่ ห้องอธิบดี ห้องรัฐมนตรี เขาจึงให้อยู่คนเดียว

อาตมาเคยไปเมืองจีน ไปพบดอกเตอร์คนหนึ่งที่ปักกิ่ง ดอกเตอร์คนนี้เก่งมากจริง ๆ อาตมาไปกับพวกคนฮ่องกง ไปกันหลายคน มีผู้ชายคนหนึ่งไปโกหกดอกเตอร์ ดอกเตอร์จับชีพจรแล้วถามว่าคุณมีภรรยาแล้วหรือยัง ตาคนนี้บอกว่ายังโสด ยังไม่มีครอบครัว แต่ดอกเตอร์คนนี้บอกโกหก คุณมีเมีย ๓ คน มีลูก ๕ คน เป็นผู้ชาย ๒ ผู้หญิง ๓ ถูกไหม นี่ตกใจเลย อะไรที่บอกโยม โยมเป็นผู้บอก จิตมันบอกนะ จับลมหายใจนี่ ดังนั้นความลับไม่มีในโลก โกหกไม่ได้
ถ้าลมหายใจเราละเอียด สมาธิเราละเอียด หน้ามันก็จะบอกอีก การเดินก็บอกด้วย นี่มีประโยชน์มาก ญาติโยมทำให้ได้แค่นี้ ทำสมาธิกันนี่ไม่ต้องไปนิพพานกันหรอก นิพพานนี่ตายนอกบ่วงไม่ห่วงใคร ดับสนิทไม่ติดเชื้อขึ้นมา นิพพานแล้วจะเอายังไงกัน อาตมาว่ามีอะไรพิสูจน์ได้ไหม ทำได้อะไรบ้างจากลมหายใจนี้ พองหนอยุบหนอนี่ลมหายใจ พุทหายใจเข้า โธหายใจออก ก็ลมหายใจ อานาปานสติ นี่สะดวกไหม

ไม่มีความคิดเห็น: