13 เม.ย. 2554
วิธีการแก้ไขความขัดแย้ง
ปัญหาความขัดแย้งเป็นของคู่โลก ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความแตกต่างกันอยู่ แต่ก็มิได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถขจัดปัญหาความขัดแย้งให้ลดน้อยลงไปได้ การสร้างความเข้าใจในสาเหตุและกระบวนการของการเกิดปัญหาความขัดแย้ง ตลอดจนแสวงหาความรู้หรือวิธีการใหม่ ๆ อาจช่วยป้องกัน ขจัด หรือ ลดปัญหาเหล่านี้ลงไปได้บ้าง
คำว่า “ความขัดแย้ง (conflict)” เป็นคำที่มีความหมายและใช้กันมาก โดยทั่วไปหมายถึงสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลเมื่อมีความคิดเห็นหรือความต้องการแตกต่างกัน โดยที่คู่กรณีไม่สามารถจะตัดสินใจหรือตกลงหาข้อยุติอันเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย
ความขัดแย้งแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ความขัดแย้งต่อตนเอง : ทางจิตวิทยาถือเป็นความล้มเหลวของกลไกขั้นพื้นฐานของการตัดสินใจซึ่งบุคคลแต่ละคนมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันในการเลือกกระทำการต่าง ๆ ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลจะต้องตัดสินปัญหา เช่น ต้องการซื้อรถหรือจะเอาเงินมาปลูกบ้าน อยากมีแฟนแต่กลัวเรียนไม่จบ อยากไปเที่ยวแต่กลัวทำงานส่งอาจารย์ไม่ทัน เป็นต้น
2. ความขัดแย้งภายในกลุ่ม : เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเนื่องจากบุคคลมีความต้องการ ความคิดเห็น ทัศนคติ และค่านิยมไม่เหมือนกัน อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในกลุ่ม
3. ความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม : เป็นความขัดแย้งที่แต่ละกลุ่มมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละกลุ่มจะต้องรักษาผลประโยชน์ไว้ให้กับกลุ่มของตนเอง
ยุทธวิธีในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
โดยทั่วไปแล้วคนทุกคน มักจะประสบกับความขัดแย้งไม่ประเภทใดก็ประเภทหนึ่งอยู่เสมอ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อบุคคลประสบปัญหาความขัดแย้งแล้วแก้ไขด้วยวิธีใด ในเรื่องนี้ได้มีผู้ศึกษาและรวบรวมยุทธวิธีแล้วนำมาจัดเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้
1. วิธีปฏิเสธหรือถอนตัวจากปัญหาความขัดแย้ง คือทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับปัญหานั้น ปล่อยให้เรื่องดำเนินไปเองแล้วแต่สถานการณ์จะพาไป
2. วิธีกลบเกลื่อนปัญหา คือ พยายามหาทางกลบเกลื่อนไม่ให้ปัญหานั้นโผล่ขึ้นมาอย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง
3. วิธีใช้อำนาจในการแก้ปัญหา ได้แก่การใช้อำนาจของตนเข้าไปแก้ปัญหานั้นโดยตรง
4. วิธีใช้การประนีประนอม หรือเจรจาตกลงในการแก้ปัญหา กล่าวคือคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พยายามแก้ไขหรือลดความขัดแย้ง โดยการพยายามประนีประนอมขอร้องหรือเจรจาตกลงกับอีกฝ่ายหนึ่ง
5. วิธีร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาความขัดแย้ง ได้แก่ การที่ทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าหากันและช่วยเหลือกันแก้ปัญหา เพื่อให้ความขัดแย้งนั้นหมดไป
ยุทธวิธีทั้ง 5 ประการข้างต้นเป็นวิธีการที่บุคคลทั่วไปมักใช้กันอยู่เสมอซึ่งจะเห็นว่าวิธี ที่ 1 และวิธีที่ 2 คือการหนีหรือกลบเกลื่อนปัญหา ไม่ได้ช่วยให้ปัญหาความขัดแย้งนั้นหมดไป เพียงแต่ชะลอไม่ให้ปัญหาความขัดแย้งเป็นจุดเด่นขึ้นมา ความขัดแย้งนั้นอาจจะระเบิดขึ้นมาอีกก็ได้ สำหรับวิธีที่ 3 คือการใช้อำนาจ อาจเป็นวิธีที่ได้ผล คู่กรณีอาจจำเป็นต้องยอมจำนนเพราะอำนาจ แต่ความขัดแย้งภายในใจจะยังมีอยู่ ซึ่งอาจจะเกิดเป็นปัญหาในภายหลังได้ วิธีที่ 4 นับเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นก็ตามการเจรจาก็ย่อมหมายความว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยอมด้วย เงื่อนไข แต่อาจเกิดความไม่พอใจเคลือบแฝงอยู่ ดังนั้นวิธีที่ 5 คือวิธีที่ทั้ง 2 ฝ่ายหันหน้าเข้าช่วยกันแก้ปัญหาโดยต่างก็คำนึงถึงความต้องการของกันและกัน จึงนับเป็นวิธีที่ดีที่สุดใน 5 วิธีนี้ เพราะเป็นวิธีการที่ได้มาจากความพึงพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตามวิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันน้อยเพราะยากแก่การปฏิบัติเนื่องจากจะ หาคู่กรณีที่มีความเข้าใจกันและกัน และพร้อมที่จะหันหน้าเข้าหากันได้ยาก
นอกจากยุทธวิธีดังกล่าวแล้ว ยังมีวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 วิธีใหญ่ ๆ โดยมองในแง่ของผลที่คู่กรณีจะได้รับในการแก้ปัญหา ยุทธวิธีดังกล่าวคือ
1. ยุทธวิธีแบบแพ้ - ชนะ
การแก้ปัญหาความขัดแย้งวิธีนี้ คือการที่ต่างฝ่ายต่างจะเอาชนะกันและกัน เพื่อให้ฝ่ายตนประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ตนมุ่งหวังเอาไว้ การแก้ปัญหาแบบนี้มักจะยุติลงตรงที่ว่า ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชนะและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายแพ้ อย่างไรก็ตามผลมักจะปรากฏอยู่ว่า ในกรณีแพ้-ชนะนี้ “ผู้แพ้” มักจะไม่ค่อยยอมรับในความเป็นผู้แพ้ของตน บางกรณีถึงกับเคียดแค้น อาฆาต พยาบาทและหาทาง “แก้แค้น” ในโอกาสต่อไป
2. ยุทธวิธีแบบแพ้ – แพ้
การแก้ปัญหาความขัดแย้งวิธีนี้คือการที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ไม่ได้ตามที่ตนต้องการ หรือแต่ละฝ่ายได้ส่วนที่ตนเองต้องการกันข้างละนิด การแก้ปัญหาแบบนี้มักจะใช้วิธีออมชอมกัน เพราะต่างฝ่ายต่างถือคติที่ว่า “ได้ครึ่งหนึ่งยังดีกว่าไม่ได้เลย” หรือไม่ก็อาจหาคนกลางช่วยตัดสินใจ
3. ยุทธวิธีแบบชนะ – ชนะ
การแก้ปัญหาความขัดแย้งวิธีนี้ คือการที่ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็ได้ตามจุดประสงค์ที่ตนเองต้องการ โดยวิธีร่วมมือกันแก้ปัญหา และพยายามหาวิธีการที่จะสามารถช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้บรรลุผลสำเร็จตามที่ตนเองต้องการ ซึ่งการแก้ปัญหาแบบนี้ผลสำเร็จจะได้แก่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีฝ่ายใดแพ้ฝ่ายใดชนะ
จากยุทธวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้ง 3 แบบดังกล่าวมาแล้วจะเห็นว่า แบบของการแก้ปัญหาที่มักจะใช้หรือพบกันบ่อย ๆ คือ แบบแพ้ – ชนะ และแบบแพ้ – แพ้ แต่จากผลของการทดลองและวิจัยค้นคว้าในยุคใหม่ทางด้านพฤติกรรมศาสตร์ให้ความเห็นและยืนยันว่าแบบชนะ – ชนะ เป็นวิธีการที่ดีที่สุดและให้ผลดีกว่าในระยะยาว
บทสรุป มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ฉะนั้นการอยู่ร่วมกันจึงเป็นสิ่งสำคัญมากและเป็นสิ่งจำเป็นอย่างที่สุด ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ส่วนมากที่เกิดขึ้นประจำนั้น มีสาเหตุมาจากความไม่เข้าใจกันของมนุษย์นั่นเอง
ความสุขอันเป็นยอดปรารถนาของมนุษย์เรา ก็คือความสุขอันเกิดจากความสามารถที่จะเข้ากันได้หรือทำตัวให้เข้ากันได้ และมีความสามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น