30 เม.ย. 2554

วิธีรับมือกับปฎิกิริยาของผิวแพ้ง่ายและบอบบาง



วิธีการรับมือกับปฏิกิริยาต่อผิวแพ้ง่าย หรือผิวบอบบาง

         ไม่ว่าคุณจะมีผิวบอบบาง หรือผิวแพ้ง่ายหรือไม่ ก็มีโอกาสที่จะเกิดปฏิกิริยาต่อผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือเครื่องสำอางบนผิวหน้าหรือผิวกายได้ สำหรับบางคนอาการแล้ว หากเกิดอาการขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ตัวที่ก่อปัญหา เมื่อหยุดใช้ผิวก็สามารถปรับเข้าสู่สภาพปกติได้ภายใน 1-2 วัน แต่ยังมีอีกหลาย ๆ คน แม้ว่าจะหยุดใช้ตัวที่ก่อปัญหาแล้วก็ยังพบว่ามีอาการระคายเคืองผิวหลงเหลืออยู่อีกหลายวัน, หรืออาจเป็นเดือน ๆ - - มีวิธีการง่าย ๆ ที่อาจช่วยให้ผ่านสถานการณ์ผิวระคายเคืองนี้ไปได้
ตรวจดูให้แน่ใจว่าเราเกิดอาการแพ้ไม่ใช่้เป็นโรคผิวหนัง
มีอาการหลายอย่างที่อาจมีลักษณะคล้ายกับอาการแพ้สิ่งที่เราใช้กับผิว ไม่ว่าจะเป็น เรื้อนกวาง, rosacea, รูขุมขนอักเสบ เราสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง โดยเข้าไปดูรูปที่เราเป็นได้ที่เวบไซต์นี้ Dermatlas ซึ่งมีรูปลักษณะอาการของโรคผิวหนังกว่า 10,000 รูปให้เราดู นี่เป็นการตรวจสอบเบื้องต้นว่าสิ่งที่เราเป็นเกิดการแพ้หรือโรคผิวหนัง
สังเกตดูว่าผลิตภัณฑ์ หรือส่วนผสมใดที่ทำให้เกิดปัญหา เมื่อพบแล้วให้หยุดใช้
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด หากมีการเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่นคอนซีลเลอร์ และเกิดผิวแดง, คัน, บวม ในบริเวณที่ทาภายในไม่กี่ชั่วโมง เป็นอันชัดเจนว่าคอนซีลเลอร์นั้นเป็นตัวต้นเหตุ เสียแต่ว่าการที่จะหาตัวต้นเหตุนั้นไม่ง่ายเสมอไป .. ประเด็นที่ทำให้วิธีการนี้ยากอยู่ตรงที่ว่า บ่อยครั้งที่ปฏิกิริยาการแพ้ของผิวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว บางครั้งใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน หรือนานเป็นปีกว่าจะเกิดปฏิกิริยาขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ จำนวนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก็มีผลเช่นกัน บางทีการใช้คอนซีลเลอร์ตัวเดียวก็ไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อใช้ร่วมกันกับรองพื้น และครีมบำรุง ก็ทำให้เกิดปัญหา วิธีการก็คือความอดทนและการสังเกต เมื่อลองใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตามแล้วเกิดสงสัยว่าตัวใดที่ทำให้เกิดปัญหา ให้หยุดใช้แล้วสังเกตผลที่ได้
ไม่ว่าคุณจะทราบหรือไม่ว่าผลิตภัณฑ์ใดที่ทำให้แพ้, สามารถหาซื้อครีม cortisone ได้ตามร้านขายยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการแพ้ได้
ซึ่งเป็นยาที่ให้ผลดีมากในการต้านการอักเสบ เมื่อทาลงบนผิวบริเวณที่ระคายเคือง, อักเสบ ก็จะช่วยหยุดปฏิกิริยาของผิวที่มีต่ออาการแพ้ได้ โดยทายาลงบนบริเวณที่เกิดอาการติดต่อกันหลาย ๆ วันจนกว่าสภาพผิวจะเป็นปกติจึงหยุดใช้ ไม่ต้องกังวลในการใช้ครีมนี้ในระยะสั้นๆ ผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้เป็นระยะเวลานาน ๆ (มากกว่า 2-3 เดือนติดต่อกัน) คืออาจจะทำลายคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิว
ในช่วงที่กำลังรักษาปฏิกิริยาของผิวจากการแพ้นั้น ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวบริเวณที่มีปัญหาอยู่ - - สารแต่งกลิ่น, เม็ดสครับ, ผ้าขัดผิว, AHA, Retin-A, Renova, Benzoyl Peroxide, ผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวขาว หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่น ๆ ที่มีส่วนผสมหลักอันสามารถจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ เพราะจะยิ่งทำให้อาการแย่มากขึ้น
หลีกเลี่ยงการอบเซาวน่า, สตีม, หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก (หากเป็นไปได้), อย่าขัดถูบริเวณที่มีปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นได้อีก

หากอาการต่าง ๆ ไม่ดีขึ้นภายใน 4-6 สัปดาห์ แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินอาการและหาวิธีการแก้ไข
หากสงสัยว่ากำลังเกิดปฏิกิริยาแพ้ขั้นรุนแรง (ลักษณะคือเหมือนผึ้งต่อย, บวมพองที่ผิวหนังและดวงตา หรือมีผิวแดงเป็นปื้น ๆ และรู้สึกร้อนผิว) ควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น แพทย์อาจจ่ายยาแอนติฮีสตามีน เช่น เบนนาดรีลให้เพื่อระงับอาการดังกล่าว


Reference
- Cosmeticcop
แปลและเรียบเรียงโดย Acnethai.com 

ผิวของเราทนแดดได้มากแค่ไหน

      Dr.Fitzpatrick ได้กำหนดสีผิวของคนเราไว้ 6 ชนิดซึ่งได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย โดยแบ่งตามความแตกต่างของสีผิว ขั้นตอนการดูว่าผิวเราเป็นแบบประเภทอะไรซึ่งทำให้เรารู้ว่าสามารถทนกับรังสี UV ได้มากขนาดไหน วิธีก็แค่ดูสีผิวของเราเทียบกับรูปมือหรือสีผิวตามในรูป และดูรายละเอียดด้านล่างเพิ่มเติม





Type I
ผิวไหม้-ดำได้ตลอดเมื่อถูกแดด เมื่อถูกแดดมากส่วนใหญ่ผิวจะไม่เป็นสีแทน มีแนวโน้มเป็นกระ ผมสีแดงหรือสีทอง ตาสีฟ้าหรือสีเขียว
Type II
ผิวไหม้-ดำอยู่บ่อยๆเมื่อถูกแดด บางครั้งถูกแดดมากผิวก็เป็นสีแทน ผมสีอ่อน ตาสีฟ้าหรือสีน้ำตาล
Type III
ผิวไหม้บางครั้งเมื่อถูกแดด เมื่อถูกแดดมากผิวจะเป็นสีแทน ส่วนใหญ่ผมและตาจะเป็นสีน้ำตาล
Type IV
ผิวไม่ค่อยไหม้ ส่วนใหญ่ตากแดดผิวจะเป็นสีแทน โดยมากผมและตาจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม
Type V
ผิวดำ-น้ำตาล ส่วนใหญ่ผมและตาเป็นสีน้ำตาลไหม้
Type VI
ผิวดำ-น้ำตาล ผมและตาเป็นสีน้ำตาลไหม้
หลังจากนั้นเรามาดู UV Index ของบ้านเราตามลิงค์นี้ http://www.intellicast.com/Local/Weather.aspx?location=THXX0002 เพื่อดูความเสี่ยงเรื่องผิวไหม้เมื่อเราตากแดดกัน( ส่วนใหญ่บ้านเรา UV Index จะอยู่ที่ 9 ขึ้นไปในช่วงที่แดดจัด ลองดูที่ลิงค์นี้ประกอบ www-med-physik.vu-wien.ac.at)

ดูตารางด้านล่างนี้ประกอบ






Low หมายถึง ไม่จำเป็นต้องใช้กันแดดหรือป้องกันแต่อย่างใด
Medium หมายถึง ให้ระวังในช่วงกลางวัน ไม่ควรอยู่กลางแดดนานหากไม่ได้ป้องกัน
High หมายถึง ใส่เสื้อผ้า, หมวก,กางร่มป้องกันหรือหาที่บังแดดในช่วงเวลาระหว่าง 11 โมงถึงบ่าย 3 โมง ใช้กันแดดอย่างน้อยที่มีค่า SPF15 บริเวณผิวที่ถูกแดด
Very High หมายถึง ควรอยู่ในที่ที่ไม่ถูกแสงแดดในช่วง 11.00-15.00 และใช้กันแดดอย่างน้อยที่มีค่า SPF15 ถ้ารู้สึกว่าหลังจากถูกแดดแล้วผิวเป็นสีชมพูหรือแดงแสดงว่าเราจำเป็นต้องป้องกันมากขึ้นกว่าเดิม

Reference
- info.cancerresearchuk.org
- med-physik.vu-wien.ac.at
- intellicast.com
- goldnbrown.co.uk
แปลและเรียบเรียงโดย Acnethai.com

มารู้จักสารกันแดด



           ระยะเวลากว่าสิบปีที่นักวิทยาศาสตร์หลายๆ ท่านได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับโรคมะเร็ง และได้ผลสรุปที่ต่างออกไปนั่นคือ การใช้ครีมกันแดดชนิด chemical นั้นอาจเพิ่มอัตราการเกิดมะเร็ง และอันที่จริงแล้วการเผชิญกับแสงแดดบ้างนั้น ยังช่วยลดอัตราการเป็นมะเร็ง และทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น
ขณะนี้พบว่าการใช้ครีมกันแดดชนิด chemical ปริมาณมาก ๆ นั้น อาจเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง โดยเกิดจากคุณสมบัติที่เป็นตัวสร้างอนุมูลอิสระ และยังมีข่าววงในอีกว่า หลาย ๆ คนที่ใช้ครีมกันแดดชนิดนี้ พบว่ามีการทำงานของ estrogenic(ฮอร์โมนเพศหญิง) อย่างหนัก นั่นอาจเป็นเหตุให้เกิดปัญหารุนแรงเกี่ยวกับพัฒนาการทางเพศ ระดับฮอร์โมนเพศผิดปกติ และอาจเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้
ไม่ได้มีการพิจารณาว่าองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้เป็นสาเหตุของการเป็นเนื้องอกแต่นักเคมีได้ทราบถึงอันตรายของส่วนประกอบในครีมกันแดดชนิดนี้มานานแล้ว เคมีเหล่านั้นมักจะทำให้เกิดการตอบสนองของอนุมูลอิสระในระหว่างที่มีการสังเคราะห์ทางเคมี เคมีเหล่านี้จัดอยู่ในประเภทที่เป็นอันตราย ซึ่งควรเก็บให้ห่าง ไม่ควรให้สัมผัสกับผิวหนัง ในขณะที่ต้องทำงานกับเคมีเหล่านี้ในห้องแล็บ เมื่อจะใช้ก็นำเคมีเหล่านี้มาผสมกันกับเคมีอื่น ๆ จากนั้นก็ใช้แสงอัลตร้าไวโอเลตฉายไปที่ส่วนผสมที่ทำไว้ เคมีที่ดูดซับแสงอัลตร้าไวโอเลตเอาไว้ ก็จะเกิดการสร้างอนุมูลอิสระมากมาย อันจะเป็นการเริ่มต้นของการทำปฏิกิริยาทางเคมีที่ต้องการ

ครีมกันแดดชนิด chemical นั้นมีข้อบกพร่องสำคัญอยู่ 3 ประการ

1. เป็นตัวหลักที่ก่อให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ การสร้างอนุมูลอิสระนั้นจะทำให้เซลล์ถูกทำลายเพิ่ม และเกิดการเปลี่ยนแปลงอันจะนำไปสู่การเกิดมะเร็ง
2. เป็นเหตุให้เกิดการทำงานของ estrogenic (ฮอร์โมนเพศหญิง) มากเกินจำเป็น  การเปลี่ยนแปลงทางเคมีต่อ Estrogenic ซึ่งไปรบกวนพัฒนาการทางเพศ ก่อให้เกิดปัญหาทางการแพทย์เป็นลำดับต่อมา
3.เป็นเคมีสังเคราะห์ที่อันตรายต่อร่างกายมนุษย์ และจะสะสมในชั้นไขมัน ร่างกายมนุษย์นั้นปรับตัวได้ดีต่อการขับสารพิษ ซึ่งเป็นเช่นนี้มากกว่าสิบล้านปีแล้ว แต่บ่อยครั้งที่พบว่าเป็นการยากที่จะกำจัดสารประกอบใหม่ ๆ และสารที่ไม่ได้จัดเป็นสารทางชีววิทยาเช่น DDT, Dioxin, PCBs, และสารที่อยู่ในครีมกันแดดแบบ chemical

 ครีมกันแดด chemical จะมีสารประกอบเหล่านี้ ที่พวกเราควรหลีกเลี่ยงเอาไว้
Benzophenones (dixoybenzone, oxybenzone)
PABA และ PABA esters (ethyl dihydroxy propyl PAB,  glyceryl PABA, p-aminobenzoic acid, padimate-O หรือ octyl dimethyl PABA)
Cinnamates (cinoxate, ethylhexyl p-methoxycinnamate, octocrylene, octyl methoxycinnamate)
Salicylates (ethylhexyl salicylate, homosalate, octyl salicylate)
Digalloyl trioleate


Reference
Dr.Loren Pickart
แปลและเรียบเรียงโดย Acnethai.com

Facial Recovery รู้ไหมทำไมผิวถึงกระจ่างใส




             ลำพังเมื่อพิจารณากันแบบผิวเผิน การตากแดดนานๆ ทำให้ผิวคล้ำไม่น่าดูอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ พิษร้ายจากแสงแดดทำร้ายผิวคุณมากกว่าที่คิด ก่อให้เกิดปัญหาผิวทั้งในระดับตื้น ไปจนถึงชั้นลึกทีเดียว
หากวันนี้การแก้ปัญหาผิวเสียจากแสงแดดนั้นมิใช่เรื่องต้องเยียวยานานจนเบื่อจะรออีกแล้ว ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง สามารถช่วยให้ผิวที่หมองคล้ำ เสียความชุ่มชื่นจนเกิดปัญหาเป็นหางว่าวตามมา ฟื้นกลับคืนสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น ทำให้ผิวเปล่งประกายสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ก่อนจะไปรู้จักเทคนิคที่ว่านี้ เรามาทำความรู้จักกับปัญหาผิวพรรณอันเกิดจากแสงแดดกันก่อน นพ.เศรษฐกานต์ อัตถากรพันธ์ แพทย์ด้านความงามของผิวพรรณ พฤกษาคลินิก เผยว่าอาจแบ่งปัญหาของผิว ได้เป็นสองระดับ คือ

      ระดับตื้น โดยแดดไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นโครงสร้างของผิวหนัง เกิดการกระตุ้นเม็ดสี ทำให้เกิดฝ้า กระ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดไฝ และเนื้องอก

       ระดับลึก แสงแดดเป็นตัวการโดยตรง กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์เสื่อม การสร้างคอลลาเจนน้อยลงจนเกิดเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่น

       “ปัญหาที่กล่าวมานี้เรียกว่าภาวะ Photo Aging นอกจากนั้นยังมีผลต่อเส้นเลือดในผิวด้วย ทำให้การสร้างเส้นเลือดผิดปกติจนดูเหมือนมีเส้นเลือดฝอยเห็นชัดบนใบหน้า ส่วนในแง่การรบกวนจากแสงแดดอย่างอื่นก็คือในแง่กระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลง ผิวแห้ง และเสียความชุ่มชื่นจึงทำให้เกิดรอยในชั้นตื้นๆ”
         นพ.เศรษฐกานต์เผยว่าในบรรดาปัญหาสารพันที่ผิวต้องเผชิญนั้น กระและฝ้าดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่เห็นชัดได้เร็วที่สุดว่าเป็นผลของแสงแดด อันเนื่องมาจากกลไกของร่างกายที่พยายามปกป้องตัวเองกระตุ้นให้การสร้างเมลานินมากผิดปกติ หรือสร้างไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้เกิดภาวะที่ดูไม่สวยงาม “แต่หากถามว่าผ้ากระมีอันตรายในเรื่องสุขภาพมั้ย ถ้าไม่นับในเรื่องความงามก็คงไม่มี แต่อันตรายที่มาจากแสงแดดที่น่ากลัวกว่านั้น คือการที่แสงแดดไปกระตุ้น DNA ให้เซลล์เสื่อมจนทำให้กลไกการปกป้องตัวเองน้อยลง ทำให้เกิดเนื้องอกและมะเร็งได้ นอกเหนือจากปัจจัยอื่นที่ส่งเสริม ไม่ว่ากรรมพันธุ์ ฮอร์โมน และความเสื่อมตามวัย” นพ.เศรษฐกานต์เสริมให้เราเข้าใจในอันตรายขั้นสูงที่พึงระวัง

แก้ปัญหาที่แตกต่าง
ภาวะเสื่อมสภาพของผิว นอกจากเรื่องของผิวพรรณภายนอกที่เห็นชัด ความสำคัญยังต้องมุ่งไปที่กระบวนการ Aging ที่เกิดจากแสงแดด และตามวัย หมายความว่ายิ่งถ้าคุณอายุมากขึ้น แสงแดดก็ยิ่งทำร้ายคุณได้ง่ายและเห็นผลชัดเจนขึ้นเป็นเงาตามตัว นางเอกในการป้องกันปัญหานี้ก็คือการใช้ยากันแดดอย่างจริงจังมาตั้งแต่ผิวยังเยาว์ หากแต่เมื่อความเสื่อมเกิดขึ้นแล้ว นพ.เศรษฐกานต์แนะนำว่าจึงจะอาศัยเทคโนโลยีเข้าช่วย โดยให้มองวิธีแก้ปัญหาเฉพาะส่วนเป็นจุดๆ ไป “เพราะคงไม่มีเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ต้องอยู่ที่ความต้องการของคนไข้ว่าต้องการแก้ไขการเสื่อมสภาพของบริเวณใด”

Problem: กระ ฝ้า
How: Q-switch Laser และ IPL

Inside Info: ในอดีตวิธีรักษากระ ฝ้า ที่ดีที่สุดก็คือการใช้ยาทาในกลุ่มของไฮโดรควิโนน ซึ่งเคยได้รับคำเตือนโดยองค์การอาหารและยา (อย.) นพ.เศรษฐกานต์แนะนำว่าในผู้ที่กลัวและต้องการหลีกเลี่ยง ก็มียากลุ่มใหม่ที่จะช่วยแก้ปัญหาก็คือ ลิโคริช วิตามินเอ อะเซลีอิคแอซิด รวมถึงการใช้ทรีตเม้นท์ไอออนโตโฟรีซิส ผลักวิตามินซีเข้าไปบำรุงผิว พีลลิ่ง ทาครีมที่ทำให้ผิวชั้นหนังกำพร้าลอกหลุด ซึ่งช่วยผลัดเซลล์ผิว แต่ไม่ได้ออกฤทธิ์โดยตรงกับเซลล์สี
นวัตกรรมในยุคต่อจากนั้นก็คือการนำเลเซอร์เข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็น CO2 Laser จี้กระ แต่พบว่าไม่เหมาะในการรักษา เนื่องจากทำให้เกิดความร้อนที่ไปกระตุ้น จี้กระหลุดไปแล้วจะได้เป็นรอยดำจากเลเซอร์แทน จึงมีการเปลี่ยนมาใช้เลเซอร์เม็ดสี “ที่นิยมใช้กันในช่วงนั้นจะมีอยู่ 3 ตัวก็คือ เลเซอร์แสงทับทิม Q-switched Nd Yag Laser และ Q-switched Alexandrite Laser ซึ่งให้ผลในการรักษากระใกล้เคียงกัน คือทำให้เกิดความร้อนอย่างรวดเร็วลงไปทำลายเซลล์สี แต่ผลข้างเคียงคือจะส่งผ่านความร้อนไปยังเซลล์สีข้างเคียง ทำให้ตรงนั้นเกิดรอยดำเลเซอร์ขึ้นใน 1 เดือน ซึ่งจะดีขึ้นใน 2-3 เดือน โดยควบคุมด้วยยาทาเพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดรอยดำ หรือลดความรุนแรงของการเกิดรอยดำ”
นพ.เศรษฐกานต์ชี้ว่ากรณีเช่นนี้ยังส่งผลถึงการรักษาฝ้า ปัญหาผิวที่สร้างความกังวลได้มากกว่า เพราะในขณะที่กระเป็นจุด แต่ฝ้าจะเป็นปื้น ผลข้างเคียงจากการใช้เลเซอร์รักษาฝ้าอาจเกิดได้ทั้งรอยดำขนาดใหญ่น่าเกลียด จนไปถึงแย่กว่าก็คืออาการด่าง เพราะเซลล์สีบริเวณนั้นหายไปเลย นักวิจัยจึงได้มีการคิดค้นเทคนิคใหม่มาใช้รักษา ปัจจุบันนิยมใช้ Q-switched Laser เดิม เพียงแต่ยิงพลังงานต่ำกว่าเดิม และเพื่อให้เกิดความร้อนน้อย ระหว่างทำแพทย์จะใช้ความเย็นช่วยเพื่อไม่ให้เกิดความร้อนส่งผ่านไปยังเซลล์ข้างเคียง ไม่เกิดปฏิกิริยาดำของเลเซอร์ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ด้วย
”อีกวิธีที่แพร่หลายก็คือการใช้ IPL ยิงลำแสงช่วงกว้างๆ ไม่ได้เจาะจง ไปลอกเม็ดสีออกมาให้ผิวขาวขึ้น หากยังต้องขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ผู้รักษาด้วย เพราะ IPL ไปช่วยลดการทำงานของเซลล์สีได้ในฝรั่ง แต่สำหรับคนเอเชียที่ผิวคล้ำ ไม่ขาวพอ การได้รับ IPL อาจกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีที่ทำงานผิดปกติอยู่แล้ว ทำงานมากกว่าเดิมเสียอีก ทำไปแล้ว 1 เดือนฝ้าก็จะกลับมาดำใหม่ และดำมากกว่าเดิม จึงต้องควบคุมด้วยการทายาอยู่นั่นเอง รวมไปถึงการจี้กระลึกบริเวณโหนกแก้ม ซึ่ง พวกนี้ใช้ IPL จะยิ่งไปกระตุ้น ต้องยิง Q-switched Laser ลงไปทำลาย ซึ่งจะเกิดรอยดำหลังยิงไปแล้ว 1 เดือนและจะจางลงใน 2-3 เดือน แล้วกลับมายิงใหม่อีกใน 6 เดือนถัดไป การทายาควบคุมจึงเป็นสิ่งสำคัญ”
Problem: สีผิวไม่สม่ำเสมอ
How: IPL

Inside Info: IPL จะช่วยฟื้นฟูวงจรการผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติ เนื่องจากคุณสมบัติในการยิงลำแสงในช่วงกว้างๆ บริเวณบนใบหน้าที่หมองคล้ำจะรับลำแสงเยอะก็ลอกออก จุดด่างดำแลดูลดเลือนลง ส่วนบริเวณที่ผิวขาวอยู่แล้วจะไม่ค่อยรับลำแสง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงช่วยปรับสีผิวได้ รวมทั้งยังอาจทำร่วมกับทรีตเม้นท์อื่นๆ ช่น เมโสเธอราปี (Mesotherapy) ซึ่งจะส่งเสริมวงจรการไหลเวียนของโลหิตให้ทำงานดีขึ้น ให้ผิวฟื้นตัวเร็ว ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น
Problem: ไฝ กระเนื้อ
How: CO2 Laser

Inside Info: ปัจจุบันแพทย์มักแนะนำให้ใช้ CO2 Laser แทนการใช้เครื่องจี้ออก เพราะพบว่าการใช้เครื่องหัวจี้ซึ่งความร้อนสูงจี้ไฝออกไป จะทำให้เนื้อข้างๆ โดนความร้อนส่งผ่านออกไปเกือบ 1 ซม. ทำให้เกิดรอยหลุมแผลลึก โดยในปัจจุบันนิยมใช้ CO2 Ultra Pulse Laser เนื่องจากสามารถปรับการยิงได้เป็นหนึ่งในพันวินาที ใช้ลำแสงตัดไฝ ไม่ต้องแช่นานๆ ซึ่งทำให้ความร้อนกระจายไปโดนเซลล์ข้างๆ เป็นเทคโนโลยีที่ไม่วุ่นวาย
Problem: ผิวไหม้
How: ทามอยสเชอไรเซอร์ และทำทรีตเม้นท์ลดการอักเสบ

Inside Info: วิธีการรักษาผิวไหม้แดดที่ดีที่สุดก็คือการลดการอักเสบ ด้วยการทามอยสเชอไรเซอร์ และทำทรีตเม้นท์ด้วยเครื่องมือที่จะช่วยผลักยาประเภท Soothing Agents ช่วยให้ผิวเย็น อาทิ ว่านหางจระเข้ แตงกวา กรีนที เมนทอล ทำให้ผิวสบาย และการฟื้นตัวของผิวเร็วดีขึ้น นพ.เศรษฐกานต์เนะนำว่าไม่ควรทำทรีตเม้นท์ชนิดที่จะทำให้เกิดความร้อนบนผิว ไม่ว่าจะเป็น IPL ทำเลเซอร์ พีลลิ่งต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผิวร้อน ดูหมองคล้ำกว่าเดิม
Problem: ผิวเสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอย
How: CoolTouch Laser, Smooth Beam™ Laser และ Thermage

Inside Info: ในอดีตมีการทำเอเอชเอหวังให้เกิดคอลลาเจนใหม่ แต่พบว่าได้ผลแค่ 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเลเซอร์ซึ่งกลไกการสร้างคอลลาเจนจะถาวรกว่า เลเซอร์จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นรูปเกลียว และสามารถเพิ่มคอลลาเจนทั้งในระดับบน ระดับกลาง จนถึงระดับลึกกระทั่งชิดชั้นไขมัน ใต้ผิว นอกจากนั้นยังทำให้เกิดการบิดเกลียวของคอลลาเจน ซึ่งยิ่งนานวันยิ่งห่าง เกิดการหดกระชับ จะช่วยในเรื่องรูปหน้าได้ โดยเฉพาะเทอร์มาจ ซึ่งใช้ประโยชน์จากพลังงานความถี่คลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ให้ส่งความร้อนไปยังชั้นล่างสุดของผิวหนัง และให้ความเย็นกับผิวชั้นบนไปในเวลาเดียวกัน หลักการใช้ ‘ความร้อน’ และ ‘เย็น’ นี้ จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังชั้นลึกด้วยความร้อนและป้องกันผิวชั้นบนด้วยความเย็นได้เป็นอย่างดี
แม้เราจะหยุดเวลาเพื่อให้คงความอ่อนเยาว์ไม่ได้ แต่การดูแลผิวให้ดูดีอยู่เสมอก็ทำให้เรารู้สึกสดใสมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะกับสาวเอเชียอย่างเราซึ่งจะได้รับแสงแดดในแต่ละวันมากกว่าผู้หญิงในแถบอื่นๆ การป้องกันย่อมจะดีกว่าการปล่อยให้ผิวเสียไป การดูแลผิวพรรณโดยพักผ่อนให้เพียงพอ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของผิวและความหย่อนคล้อยได้เช่นกัน
นพ.เศรษฐกานต์ อัตถากรพันธ์
แพทย์ด้านความงามผิวพรรณ พฤกษาคลินิก
Dermatologist Says:

•ข้อดีของ RF เมื่อเปรียบเทียบกับเลเซอร์ คือผิวหนังคนเรามีเซลล์สีกรอง ทำให้เลเซอร์อาจไม่ลงลึกมากในคนผิวคล้ำ แต่คลื่นวิทยุจะผ่านลงไปสู่ชั้นผิวได้ทั้งหมดไม่ว่าสีผิวไหน จึงได้ผลดีกว่า
•การใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ควรทำบ่อยมากจนเกินพอดี หากใช้เทคโนโลยีที่ดี ผลลัพธ์จะคงอยู่แม้ทำเพียง 3-4 ครั้ง จึงต้องวัดจากตัวเองเป็นหลัก
•ค่าใช้จ่ายในการรักษากระฝ้าด้วยเลเซอร์ เริ่มตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท การกระชับผิวด้วยเลเซอร์ ครั้งละ 1,500-100,000 บาท เทอร์มาจ เริ่มตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไป
แก้ไขล่าสุด ( วันอังคารที่ 21 กรกฏาคม 2009 เวลา 23:06 น. )

29 เม.ย. 2554

สูตรแห่งความสุข...ตำราชีวิตประจำวัน




สูตรที่ว่านี้มีง่าย ๆ อย่างนี้
   ๑.  ดื่มน้ำให้มาก   
   ๒  กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึงอาหารเย็น,ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลาง ๆ ตอนเที่ยง และตกเย็นแล้ว, ทำตัวเป็นยาจก, ไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแหละ)
     ๓ กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน
     ๔ ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E...นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้น
         และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ
     ๕ หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ
     ๖  เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย
     ๗ อ่านหนังสือให้มากขึ้น..ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา
     ๘ นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10นาทีให้ได้
     ๙ นอนวันละ 7ชั่วโมง
    ๑๐. เดินสักวันละ 10ถึง 30นาที, แล้วแต่จะสะดวก, ไม่ต้องเครียดกับมัน, วันไหนไม่ได้เดิน,ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน
    ๑๑. ระหว่างเดิน, อย่าลืมยิ้ม

    นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ, หากทำเป็นกิจวัตร,
 ชีวิตก็จะแจ่มใส,แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วางกำหนดเวลาของตนเอาไว้ วันนี้ทำไม่ได้, พรุ่งนี้ทำก็ได้ แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่ง, ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน


 สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้ครับ

       ๑. อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
     ๒.  อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
     ๓. อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
     ๔. อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก
     ๕. อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
     ๖. จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ
     ๗. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว
     ๘. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
     ๙. ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น
     ๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
     ๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
     ๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต
     ๑๓. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
     ๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก..บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกันได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร
     
แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?
     ๑.   อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ
     ๒.   จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน
     ๓.  จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
     ๔.   จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70และต่ำกว่า 6ขวบ
     ๕.   พยายามทำให้อย่างน้อย 3คนยิ้มได้ทุกวัน
     ๖.   คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย
     ๗.   งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณ ในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้น, อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด
 

 และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้, ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้
      ๑.  ทำสิ่งที่ควรทำ
      ๒.  อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์, จงทิ้ง
         ไปเสีย..เก็บไว้ทำไม?
      ๓.  เวลาย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้
      ๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
      ๕. ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุกจากเตียง, แต่งตัวและปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงานด้วย...get up, dress up and show up.
      ๖.  สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
      ๗.  ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
      ๘. เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ...ดังนั้น, ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?


และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด

ส่งบทความที่ต่อไปให้คนที่คุณรักและห่วงหาอาทรด้วย
ที่มา By สุทธิชัย หยุ่น 

ดูนิสัยคน จากตัวเลขวันเกิด



การทำนาย   นิสัยจากตัวเลขเป็นตำราของฝรั่ง คิดขึ้นเพื่อ
ให้เป็นแนวทำนายนิสัยของคนที่เกิดในวันที่ต่างๆ โดย
แบ่งเป็น 9 กลุ่มด้วยกัน วิธีการจัดกลุ่มก็
คือถ้าวันเกิดเป็นเลขหลักเดียวอยู่แล้ว
ก็ใช้ได้เลยส่วนผู้ที่เกิดตั้งแต่วันที่
10-31 ก็ ต้องนำตัวเลขตัวหน้ากับตัวหลัง
มาบวกกันให้เป็นเลขหลักเดียวเช่น
ถ้าเกิดวันที่ 25 ก็ต้องนำเลข 2
บวกกับเลข 5 จะได้เท่ากับ
7 เป็นต้น แล้วนำตัวเลขไปอ่าน
คำทำนายต่อไปนี้






1. ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 1( ผู้ที่เกิดวันที่ 1, 10, 19, 28) เป็นผู้ต้องการมีชีวิตแบบ ' หมายเลขหนึ่ง ' คือไม่อยาก
เป็นรองใครมีภาววิสัยเป็นผู้นำไม่ชอบเป็นผู้ตามคนเลข
1 นี้จะไม่ค่อยชอบทำงาน
ราชการชอบที่จะก่อร่างสร้างตัวจากธุรกิจกา ร
งานของตนเองมากกว่าและก็จะทุ่มเทให้กับงาน
เต็มที่ด้านความ รัก จะเป็นคนรักเดียวใจ
เดียวเสมอต้นเสมอปลายมั่นคงในความรักมาก
ผู้ที่จะเป็น คนรู้ใจของ 1 ได้เหมาะสมที่สุด คือ
ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 4 จะเป็นทั้งเพื่อน
กายและเพื่อนใจคู่คิดคู่เคียง ร่วมหัวจมท้ายด้วย
กันได้ตลอดรอดฝั่งส่วนบริวารที่จะเข้ากันได้กับ
1 ก็คือผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 2






2. ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 2 ( ผู้ที่เกิดวันที่ 2, 11, 20, 29) คนเลข 2 เป็นผู้ที่เหมาะแก่การเป็นยอดขุนพลคู่ใจ
ของแม่ทัพเนื่องจากว่าบุคคลหมายเลข 2 นี้เป็น
ผู้ที่มีความสามารถเป็นเยี่ยมในการจัดการ
อย่างมีระบบมีความอดทนและเป็นคนละเอียด
ถี่ถ้วน มักจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จต่างๆ
ด้านความรักถ้าคน เลข 2 รักใครมักจะไม่
แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งอาจมีเพียงแววตา
เท่านั้นที่พอจะบ่งบอกให้รู้ คนเลข 2 จะสา
มารถจดจำรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวกับคนรักได้อย่าง
น่าอัศจรรย์และเมื่อรักใครแล้วก็มักจะอยาก
ให้คนรักมีระเบียบเช่นเดียวกับตน
และ บุคคลที่จะเข้าคู่กับคนเลข 2 ได้ดีคือ
บุคคลผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 7 คนเลข 2
จะสร้างความมั่นคงและสมบูรณ์พูนสุขให้กับครอบครัว
อย่างยากที่จะมีใครเทียบได้จนบางครั้งอาจจะถึงรุ่นหลานเหลน






3. ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 3( ผู้ที่เกิดวันที่ 3, 12, 21, 30) คนเลข 3 เป็นผู้ตั้งเป้าหมายของชีวิตไว้สูงในขณะเดียว
กันก็ชอบให้วิถีชีวิตเป็นไปตามทำนองคลองธรรม
เป็นผู้ใฝ่หาความรู้ และยึดมั่นในหลัก
การ สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
ได้ดีเป็นผู ้ที่เข้ากับคนได้ง่าย ด้านความรัก
คนเลข 3 จะทำตามกรอบธรรมเนียมประเพณีและ
กติกาของสังคมจะ ไม่มีการแหกกฎหรือทำอะไร
แผลงๆ ดำเนินการไปตามขั้นตอนตั้งแต่เริ่มจีบ
จนถึงการแต่งงาน และเมื่อแต่งงานปัญหา
เรื่องญาติพี่น้องของคนรักมักจะน้อยหรือไม่มีเลย
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากคุณสมบัติประจำตัวของคนเลข
3 ที่เข้ากับคนได้ง่ายนั่นเอง คู่ของคนเลข
3 ที่จะเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษคือผู้ที่มีหมาย
เลขประจำตัว 6 และ 9






4. ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 4( ผู้ที่ เกิดวันที่ 4, 13, 22, 31) คนเลข 4 เป็นผู้ที่มีสามัญสำนึกในเรื่องต่างๆ เป็นเยี่ยม
ตัดสินใจเรื่องใดมักจะไม่พลาดไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน
หรือคนประกอบกับเป็นผู้ที่รู้เหตุ
รู้ผล รู้จักคุณค่าของเงินทำให้สามารถตั้งหลักปักฐาน
ได้รวดเร็วยิ่งกว่าผู้ใดเป็นผู้ที่บุคคลอื่นมักจะให้ความ
เชื่อถือ ยิ่งร่วมงานกับผู้ที่มีเลข
ประจำตัวเป็น 1 ยิ่งส่งเสริมกันและกัน
ด้านความรัก ถึงแม้คนเลข 4 จะไม่ใช่คนเจ้าชู้แต่มัก
จะมีคนมาแอบชอบหรือหลงรักทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าคน
เลข 4 นอกจากจะเป็นผู้ที่มีฐานะดี
แล้วยังมีปฏิภาณในการเดาใจผู้อื่นได้แม่นยำการ
ทำให้ผู้ที่ติดต่อด้วยมีความนิยมและพอใจผู้ที่เป็น
คู่รักจึงต้องทำใจให้หนักแน่นหน่อยคู่ที่เหมาะคือ
ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 8






5. ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 5 ( ผู้ที่เกิดวันที่ 5, 14, 23) คนเลข 5 เป็นผู้ที่มีความเข้าใจในธรรมชาติของคน
เป็นอย่างดีเป็นพื้นฐานส่งเสริมให้มีความสามารถ
เป็นพิเศษทางด้านจิตวิทยาหรือการ
บริหารงานบุคคลซึ่งจะนำไปใช้ประโยชน์ต่ออาชีพ
การงานที่ต้องแนะแนวหรือให้คำปรึกษา เป็นผู้ที่เชื่อ
มั่นในตัวเองสูงมากจนบางครั้งแทบจะ
ไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเลยเรื่องดวงยิ่งไม่สนใ จ
คนเลข 5 จะซ่อนอารมณ์ไว้ไม่แสดงออกจนกว่าจะ
ถึงเวลาที่เขาหรือเธอตกลงปลงใจ
แน่นอนแล้วแต่ ไม่ได้หมายความว่าไม่รักเพียงแต่เก็บ
ไฟรักไว้และปลดปล่อยออกมาเมื่อถึงเวลาเท่านั้น
คนเลข 5 จะเป็นกลางกับทุกกลุ่ม
เลข ไม่เป็นพิเศษกับเลขประจำตัวใด แต่กลับไป
ผูกพันกับเวลาแทนโดยที่มักจะเกิดเหตุการณ์สำ
คัญในวันที่หรือเวลาที่เป็นเลข 10






6. ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 6( ผู้ที่เกิดวันที่ 6, 15, 24) คนเลข 6 เป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยมีพิธีรีตองเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดีอยู่เสมอ
ไม่ชอบฝ่าฝืนระเบียบหรือกฎเกณฑ์เป็นคนพอใจในสิ่ง
ที่ตนมีอยู่ จึงไม่ค่อย
จะทะเยอทะยานไขว่คว้าหาตำแหน่ง ดูผ่านๆคนทั่ว
ไปจะเห็นว่าคนเลข 6 ไม่มีความก้าวหน้ าแต่ในความ
จริงแล้ว ถ้าคนเลข 6 ได้ทำงาน
ที่ตนชอบก็จะทุ่มเทและสามารถรุ่งเรืองได้ในฐานะ
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่หาผู้เปรียบได้ยากแต่ไม่ใช่ใน
ฐานะนักบริหารแสวงหาความสุขความพอ
ใจมากกว่าจะคำนึงถึงเงินจึงมักใช้จ่ายเงินอย่าง
ง่ายๆ ไม่ค่อยเก็บสะสมด้านความรัก คู่ของคน
เลข 6 ไม่สามารถจะเก็บเขาหรือเธอไว้
เป็นของท่านเพียงคนเดียวเพราะคนเลข 6
เป็นผู้ที่ชอบสังคมวิธีที่ดีที่สุดคือท่านควรไป
กับคู่ของท่านด้วยเพื่อนหรือบริวารของคน
เลข 6 คือผู้ที่
มีเลขประจำตัวเป็น 3 กับ 9 และถ้าสังเกต
ดูจะพบว่าสิ่งที่คนเลข 6 ได้ครอบครองมัก
จะมีเลขสามตัวนี้เกี่ยวข้อง คือ 3, 6 และ 9






7. ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 7( ผู้ที่เกิดวันที่ 7, 16, 25) คนเลข 7 แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์แปรปรวนไม่ค่อย
แน่นอน บางครั้งเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งแต่บางครั้งอ่อนไหว
แต่ก็เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ง่ายและชอบคนที่จริงใจตอบ ชอบแสวงหาประสบ
การณ์ ความเร้าใจ จึงมักจะพาตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง
กับกามารมณ์ การพนัน และสิ่งเสพติด
อย่างเลี่ยงไม่พ้น แต่ก็จะเป็นคนทันคน ยากที่จะ
ถูกใครหลอก มีแต่จะหลอกคนอื่นเขา ด้านความ
รัก รูปลักษณะภายนอกของคนเลข 7 มักจะ
เป็นที่ สะดุดตา มีเสน่ห์ และโดยที่คนเลข 7 เห็น
ว่าเรื่องความรักและกามารมณ์เป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าคิดจะรักกับคนเลขนี้ ต้องทำใจกับ
เรื่องดังกล่าวตามตำรากล่าวไว้ว่า คนเลข 7
มักจะแพ้ทางคนที่มีเลขประจำตัวเป็นเลข 2
คู่ที่เป็นคนเลข 2 จึงพอจะอยู่ ร่วมกันได้อย่าง
เป็นสุข






8. ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 8( ผู้ที่เกิดวันที่ 8, 17, 26) คนเลข 8 เป็นผู้ที่ มีไหวพริบสูง สามารถแก้ปัญ
หาเฉพาะหน้าได้เก่ง มีวาทศิลป์เป็นเลิศสามารถ
เจรจา โน้มน้าวจูงใจคนได้ดี แต่มักมี
อารมณ์ไม่คงเส้นคงวา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตั้งเป้า
หมายชีวิตไว้สูงและชอบเสี่ยง กล้าได้กล้าเสีย
ทำให้วิถีชีวิตของคนเลขนี้ค่อน ข้างผาด
โผน อาจขึ้นสูงสุดและตกลงมาต่ำสุดได้บ่อยๆ
แต่คนเลข 8 เป็นผู้ที่มีความ ทรหดอดทน พยา
ยามต่อสู้กับอุปสรรคให้ถึงที่สุด ซึ่งส่วนมากมักจะ
ชนะเสีย ด้วย ด้านความรัก คนที่คิดจะมาเป็นคู่ของ
คนเลข 8 ถ้าต้องการให้คนเลข 8 สนใจ จะต้องเป็น
ผู้ที่มีความเด่นเป็นพิเศษ ไม่ทาง
ใดก็ทางหนึ่ง เพราะคนเลข 8 ชอบอะไรที่สูงกว่า
มาตรฐานและสามารถสนับสนุนเป้าหมาย ของเขา
ได้ นอกจากนี้ยังต้องแสดงให้คนเลข 8
เห็นว่าท่านเข้าใจธรรมชาติของเขา ยอมรับแล ะ
ได้เตรียมตัวเตรียมใจ รับการเปลี่ยนแปลงทุก
สถานการณ์ ถ้าทำได้ดังที่กล่าวมาจะสร้าง
ความประทับใจให้แก่ คนเลข 8 ได้มาก คนเลข

8 มักจะสมพงศ์กับผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 1 และ 4





9. ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 9 ( ผู้ที่เกิดวันที่ 9, 18, 27)
คนเลข 9 เป็นคนรักธรรมชาติชอบสันโดษ เอางานเอา
การ ค่อนข้างสุภาพและขี้อาย ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
อยากให้ผู้อื่นมาพึ่งพิงจึงมักเห็นคน
เลขนี้เป็นครูหรือนักบวช หรืองานสนับสนุนที่ไม่ต้อง
มีปฏิสัมพันธ์กับใครด้านความรัก คนเลข 9 ต้องการ
เป็นผู้ปกป้องคุ้มครองจะไม่ชอบคนที่
เอะอะเอ็ด ตะโร หรือแข็งกระด้าง ชอบคนที่นุ่มนวล
อ่อนโยน และเป็นช้างเท้าหลัง(หรืออย่า
งน้อยก็ต้องแสดงว่าเป็น) และเป็นคนโร
แมนติก ร้อนแรงเมื่อถึงเวลา จนอาจทำให้ท่าน
ประหลาดใจ เพื่อนหรือบริวารที่เข้ากันได้ดีคือ
ผู้ที่มีเลขประจำตัวเป็น 1


โดย จอห์น โรเบิร์ต พาวเวอร์

คาถา ปลดปล่อยกรรม-สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี

     หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความพยาบาท ความอาฆาต และคำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร
                 คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้กรรมให้น้อยลง
คาถา บทนี้  เป็นคาถาที่ใช้สำหรับขอขมาพระรัตนตรัย และใช้เพื่อถอนคำสาปแช่ง ในอดีตชาติ ที่ติดตามมา เพราะเราไม่รู้ว่าเคยได้ ล่วงเกินปรามาสใครไปบ้างก็ไม่รู้ ไม่เว้นแม้กระทั้ง พระพุทธองค์ พระอรหันต์ พ่อ แม่ เป็นต้น เพราะบางคนทำการใดๆ มักมีอุปสรรค หรือมักมีคนไม่ชอบหน้า





คาถา ปลดปล่อยกรรม - สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี
      ตั้งนะโม ๓ จบ
ชินะปัญชะระ ปะริตตังมัง   รักขะตุ สัพพะทา
หรือ
วิญญาณสัมปันโน อิติปิโส ภะคะวา นะโมพุทธายะ
๙ จบ
(คำแปล - ขอพระอนันตชินเจ้าในบัญชรแวดวงกงล้อม พระโมรปริต รและพระขันธปริตร อรหันต์เจ้า จงคุ้มครองรักษาข้าพเจ้าให้พ้นจากภยันตรายสรรพสิ่งทั้งปวง ตลอดเวลาทุกเมื่อ)

ขอผู้ได้รับใบคำขอขมาและอธิษฐานจิตนี้ กรุณาส่งให้ผู้อื่นต่อเพื่อสร้างผลบุญบารมีต่อไป 
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี

สัจจะ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

สัจจะตัวเดียวนี้ มีอภินิหารทั้ง ทาน ศีล ภาวนา สัจจะตัวเดียวมีอภินิหารมาก อภินิหารแผลงฤทธิ์ได้ด้วย อยู่ยงคงกระพันเสียด้วย แล้วสามารถจะทำงานสำเร็จทั้งคดีโลกคดีธรรม ตัวอย่างว่าญาติโยมมีสัจจะไหม มีความจริงในชีวิตไหม ถ้าไม่มีขอให้สร้างเสียแต่บัดนี้ ไม่ใช่มานั่งหลับหูหลับตาเลย

ข้าพเจ้าจะเดินจงกรม ข้าพเจ้าจะนั่งภาวนา ๑ ชั่วโมง ไม่ถึง ๑ ชั่วโมงข้าพเจ้าจะไม่เลิก วันนี้ข้าพเจ้าตั้งใจจะตักน้ำซัก ๒ หาบ ต้องตักให้เต็ม ๒ หาบ ถึงจะมีสัจจะ

คนชาวพุทธส่วนมากทำอะไรไม่ได้ผลเพราะ เสียสัจจะ
สัจจะตัวเดียวเท่านั้น ไม่ต้องไปเอาตักบาตร ทำบุญให้ทานมากมายหรอก ญาติโยมก็ไม่เข้าใจทำบุญเสียอีก มีอะไรทำบุญหมด แต่โยมไม่เข้าใจตามคำสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแบ่งปันใช่ไหมเล่า แบ่งปัน แบ่งสันปันส่วน โยมแปลว่าอย่างไร แบ่งสรรปันส่วนนี่ บางทีโยมผู้เฒ่าผู้แก่จะว่า “หนูมีนาเอามาให้ยายนี่ ยายจะทำบุญให้หมด หมดเลยนะ” อย่างนี้เรียกว่าแบ่งสรรปันส่วนเรอะ ไม่ใช่ พระพุทธเจ้ามีแต่ให้แต่ไม่รับ ไม่รับตรงข้อไหน โยมรู้ไหม เดี๋ยวโยมจงฟังต่อไป พระพุทธเจ้าไม่รับอะไร แต่อย่างอื่นรับนะ ไม่รับอยู่ข้อเดียวคืออะไร ญาติโยมฟังต่อไป


อาตมาเคยเห็นมาหลายคนแล้ว ตั้งใจว่าข้าพเจ้าจะเดินจงกรม ๑ ชั่วโมง นั่งภาวนา ๑ ชั่วโมง พอนั่งไปได้สัก ๔๐ นาที ก็ว่าสายหน่อยค่อยนั่งต่อไป หลายคนบางทีนั่งไปก็ว่านอนก่อนเถอะ หรือให้เด็กมันหลับก่อนค่อยปฏิบัติต่อเถอะ อย่างนี้ไม่ได้อะไรเลยนะ ไม่ได้จริง ๆ ด้วย เพราะเสียสัจจะ สัจจะลบหมดเลย ไม่ต้องไปสร้างที่ไหนแล้ว แล้วไม่ต้องสร้างบารมีต่อไป ทานก็ไม่มี ศีลก็ไม่เกิด นี่ธรรมะก็ไม่เกิดด้วย ปัญญาบารมีจะเกิดได้อย่างไร เพราะขาดสัจจะ เดี๋ยวนี้ขาดตัวนี้ ไต้องไปเอาอะไรอย่างอื่นหรอก สัจจะไม่มีเลย คนที่มีสัจจะนี่ปืนยิงไม่ออก ระเบิดก็ไม่ระเบิดเสียด้วย นี่ ตัวสัจจะ สำคัญมาก
ถ้ามีหัวใจมีสัจจะเป็นทุนหลัก โยมที่จะทำให้สำเร็จมีทุนหลักไหม ถ้ามีทุนหลัก มีคนมาร่วม มาร่วมแล้วมีคนอุปถัมภ์ด้วย ทุนหลักตัวเดียวคือซื่อสัตย์สุจริต มีสัจจะไม่โกหกตัวเอง แล้วไม่หลอกตัวเอง ไม่ต้องจำต้องกล่าวว่าจะไปหลอกคนอื่นเขา ที่เราไปหลอกคนอื่นนี่เท่ากับว่าเราหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลอกมาเป็นคนเก๊มานานมาก ญาติโยมโปรดทราบเถิดว่า หัวใจของเราคือสัจจะ มรรคสัจจะ สัจจะในองค์มรรค ถ้าเราไม่มีสัจจะ มรรคไม่เกิด ไม่เกิดแน่ จะนั่งวิปัสสนา มรรคไม่เกิดแน่
อาตมาเคยเดินธุดงค์กับหลวงพ่อดำในป่า ก็ต้องใช้สัจจะอีก หลวงพ่อดำอายุกี่ร้อยปีนะ อาตมาก็เคยเดินธุดงค์ไปกับท่านในป่า อาตมายังไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อแล้ว ท่านบอกว่า คุณเป็นคนจริงหรือเปล่าเราก็ยังไม่รู้ความหมาย ก็ตอบท่านว่าไม่ทราบ ท่านจึงบอกว่า “จำไว้ถ้ามีสัจจะเป็นคนจริง ถ้าไม่มีสัจจะจะใช้อะไรได้เลย ทุกอย่างเสียหมดแล้ว ไม่ต้องอธิษฐานอะไรไม่ขึ้นจริง ๆ” ท่านว่าอย่างนี้

นี่โยมคงเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อดำ ท่านไม่ได้ชื่อดำหรอกนะ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร แต่อาตมาเรียกท่านอย่างนั้นเอง ไม่ทราบว่าอายุกี่ร้อยปี แล้วยังอยู่ด้วยนะ มีสัจจะก็จะเห็นนะ ไม่มีสัจจะก็จะไปไม่ถึง องค์นี้หรือ อาตมาจะไม่ขอกล่าวต่อไป

ไปพบสัจจะเป็นมรรคสัจจ์ แปลเสียให้สั้น ๆ ในหลักวิชาการนี่มันไม่เหมือนกับวิธีปฏิบัติ วิชาการกับภาควิธีปฏิบัติมันต่างกัน คำว่า มรรคสัจจ์ มีสัจจะเกิดมรรค ใช้อย่างนี้ทับศัพท์เลย คนไหนไม่มีสัจจะจะเกิดมรรคไม่ได้ มรรคมรรคาไม่ได้ ต้องมีมรรค ๘ ในทฤษฎี แต่โยมขาดสัจจะก็มีมัก ๒ มักเกิดเลย โยมรู้ไหมว่า มัก ๒ มัก คืออะไร คือมักง่าย กับมักได้

แน่นอน คนไม่มีมรรคสัจจ์ คนนั้นมี ๒ มัก โยมไปสังเกตดู คนไหนทำอะไรง่าย ๆ ส่งเดชไป ก็มักจะมักได้เสียด้วย เอาแต่ได้แต่ไม่ยอมเสีย แต่พอหันมุมกลับ
คนไหนเสียสละได้ เสียสละเพื่อได้ ได้อะไร ได้บุญ ได้คุณประโยชน์ นี่ถึงอย่างงี้นา เห็นแก่ได้เลย ๒ มักนั้นแทนจำไว้
มรรคสัจจ์ คือสัจจะเป็นมรรค ถ้าคนไหนไม่มีสัจจะ ไม่มีความจริงแล้ว ไม่ได้มรรค ไม่ได้ผล ไม่ได้นิพพาน ไม่ต้องไปหานะ จะเห็นผลไปเรื่อย ๆ โยมนั่งเป็นยังไง สบายมากเลย นั่งถึงหนึ่งชั่วโมงไหม ฉันก็ตั้งสัจจะทุก ๑ ชั่วโมง เวลาจะเลิกไม่ถึงทุกที นี่ไม่มีสัจจะ จะตายก็ให้มันตายซิ เลือดเนื้อจะเหือดแห้งไป ข้าพเจ้าขอยอมตาย เอาปณิธานของพระพุทธเจ้ามาใช้สิ
วิธีปฏิบัติเบื้องต้นนี้โยมโปรดทราบ โยมเคยคิดหรือไม่ ๑ นาทีหายใจเข้าไปกี่ครั้ง ๑๘ ครั้ง นอนหลับเหลือ ๑๕ ครั้ง คนที่นอนปลุกตื่นยาก ๑๓ ครั้ง คนที่มีสมาธิเหลือ ๑๐ ครั้ง และจะลดลงเรื่อย เหลือ ๘ เหลือ ๔ เหลือ ๒ เหลือ ๑ แล้วเข้าสู่เอกัคคตา แล้วเข้าสู่นิโรธสมาบัติไปตามลำดับ

พระบางองค์ท่านพูดว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ถามซิว่าท่านปฏิบัติได้ไหม ทำไม่ได้หรอก อาตมาพูดชั้นต่ำ ๆ ที่อาตมาทำได้จึงพูด สูง ๆ ทำไม่ได้ ข้อปฏิบัติสูง ๆ ที่นำมาพูด เช่นเรื่องนิพพานนี่ อาตมาไม่ถึง ถึงแล้วจะบอกให้ ตอนนี้ไปไม่ถึง ยังเป็นพระอรเหอยู่นี่ เหไปช่วยเหลือเขาทางนั้น เหไปช่วยเหลือเขาทางนี้

เดี๋ยวนี้เข้าไปหาพระอรหันต์กันมาก สร้างวัดสร้างวาอย่างกับปราสาทราชวัง พระประเภทนี้อยู่ในป่าเยอะ โยมอยากไปจะพาไป ประเภทสงบจะอยู่ในอรัญราวป่ามากมายจริง ๆ พูดแต่ละคำ แหม มันซึ้งเข้าไปถึงหัวใจจริง ๆ
พระพวกนี้ทั้งแหลมทั้งคม พูดจาสั้น ๆ คมคาย คมติดสัน พูดแต่ละคำน่าคิดเอาประดิษฐ์สร้างสรรค์ พระประเภทนี้อยู่ในป่าจริง ๆ พูดจาคมคาย สั้น ๆ นี่อย่าลืม เช่นหลวงพ่อดำ อาตมาตั้งชื่อท่านเอาเอง ที่เขาลงหนังสืออาจจะไม่ใช่องค์นั้น หรืออาจใช่ก็ได้ แต่ทำไมมีอายุยาวนานนัก มันเรื่องแปลก บางครั้งก็เจอที่กรุงเทพฯ บางครั้งก็เจอที่ภาคเหนือ บางที่เจอที่พม่า พระประเภทนี้บางทีนึกเข้า จิตถึงก็เจอ

เพราะฉะนั้นเรื่องลมหายใจ เรื่องการนับลมนี่ อาตมาจับจุดได้ที่ประเทศจีน นี่ได้แล้วมาลองโทรจิตให้เป็นตัวหนังสือ สามารถออกไปติดตรงโน้นได้ นี่เรื่องลมหายใจ สอนลูกสอนหลานได้เลย ไม่ต้องไปว่าพุทโธ สัมมาอะระหัง พองหนอ ยุบหนอแต่ประการใด เพราะเป็นอานาปานสติเหมือนกันหมด แต่เราใส่อารมณ์กรรมฐานอย่างไร โดยสมถะ หรือวิปัสสนา ขันธ์ ๕ รูปนามเป็นประการใด ของอาตมาพิสูจน์ได้แล้ว พิสูจน์อย่างนักศึกษา เหมือนเราเป็นนายแพทย์ นี่เอาคนไข้มารักษาถึงจะรู้ ถึงจะเชี่ยวชาญในประสบการณ์เกี่ยวกับวิชาแพทย์ มาจากคนไขดังนี้

ทีนี้มีเด็กชั้นประถมศึกษาที่เรียนหนังสือไม่เก่ง นี่วิธีสอนสำหรับลูกหลานนะ ไม่ใช่สอนญาติโยม โยมควรจะจำได้เป็นอันเดียวกันคือ อารมณ์หายใจเข้าออกนี่เอง จะสังเกตได้มั๊ยว่า เมื่อมีโลภะ โลภะมันจะทำให้หายใจผิดปกติยาว ๆ นะ โทสะนี่หายใจสั้น ๆ ลงไปแล้วกระตุกด้วยนะ กระตุกหนักเข้า ถ้าเลยกว่า ๕๐% ถึง ๖๐% เมื่อไหร่ ลงมือลงไม้เลย นี่โทสะ แล้วบางคนมีอำนาจโมหะ หายใจไม่เป็นปกติ หายใจเฮือก ๆ นี่คนมีอำนาจโมหะ ไม่อยากมองหน้าใคร ไม่อยากฟังของใครด้วย ไม่อยากเอาความคิดเห็นของคนอื่นเขา นี่โมหะชัดมาก มีโมโหโทโสเกิดขึ้นอย่างไร ไม่ต้องไปเจริญกรรมฐานอย่างอื่นนะ ไม่เอาละ หายใจยาว ๆ อย่าไปนั่งคุยกับใคร อย่าให้อารมณ์ออกไปข้างนอก อารมณ์คนเดียว หายใจยาว ๆ เถอะ เดี๋ยวรู้เลยลูกกุญแจอยู่ไหน รู้ว่า เอ๊ เงินทองมันหายไปที่ใด บางทีเราเปลี่ยนที่ มันใจร้อนใจรนทุกประการ แล้วก็ทำให้หาของไม่เจอ ขอให้ไปนั่งเฉย ๆ ในห้องภาวนา เพราะฉะนั้นตามที่ราชการนี่ ห้องอธิบดี ห้องรัฐมนตรี เขาจึงให้อยู่คนเดียว

อาตมาเคยไปเมืองจีน ไปพบดอกเตอร์คนหนึ่งที่ปักกิ่ง ดอกเตอร์คนนี้เก่งมากจริง ๆ อาตมาไปกับพวกคนฮ่องกง ไปกันหลายคน มีผู้ชายคนหนึ่งไปโกหกดอกเตอร์ ดอกเตอร์จับชีพจรแล้วถามว่าคุณมีภรรยาแล้วหรือยัง ตาคนนี้บอกว่ายังโสด ยังไม่มีครอบครัว แต่ดอกเตอร์คนนี้บอกโกหก คุณมีเมีย ๓ คน มีลูก ๕ คน เป็นผู้ชาย ๒ ผู้หญิง ๓ ถูกไหม นี่ตกใจเลย อะไรที่บอกโยม โยมเป็นผู้บอก จิตมันบอกนะ จับลมหายใจนี่ ดังนั้นความลับไม่มีในโลก โกหกไม่ได้
ถ้าลมหายใจเราละเอียด สมาธิเราละเอียด หน้ามันก็จะบอกอีก การเดินก็บอกด้วย นี่มีประโยชน์มาก ญาติโยมทำให้ได้แค่นี้ ทำสมาธิกันนี่ไม่ต้องไปนิพพานกันหรอก นิพพานนี่ตายนอกบ่วงไม่ห่วงใคร ดับสนิทไม่ติดเชื้อขึ้นมา นิพพานแล้วจะเอายังไงกัน อาตมาว่ามีอะไรพิสูจน์ได้ไหม ทำได้อะไรบ้างจากลมหายใจนี้ พองหนอยุบหนอนี่ลมหายใจ พุทหายใจเข้า โธหายใจออก ก็ลมหายใจ อานาปานสติ นี่สะดวกไหม

28 เม.ย. 2554

สิวกับกาแฟ



ลองมาดูกันว่ากาแฟหรือสารคาเฟอีนมีผลอะไรกับสิวหรือเปล่าเมื่อเรารับเข้าไปในร่างกาย
สิวกับคาเฟอีนนั้นอาจจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกันมากกว่าที่คิด อย่างแรก คาเฟอีนคืออะไร … คาเฟอีนนั้นเป็นตัวกระตุ้นพลังงานในช่วงเวลาสั้น ๆ จากนั้นเมื่อฤทธิ์ของคาเฟอีนหมด ร่างกายเราก็จะไม่มีอะไรมากระตุ้นอีกแล้ว จึงทำให้เรารู้สึกเหนื่อยมากขึ้นกว่าตอนแรก และคาเฟอีนนั้นเป็นตัวหนึ่งที่เกิดภาวะ “ติด” ได้มาก หากไม่เชื่อ ลองถามใครสักคนที่รู้จักและพยายามจะเลิกดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนดูสิ อาการต่าง ๆ อาจเป็นได้มากหรือหลงเหลือค้างในร่างกายอีกหลายเดือน

แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับการเกิดสิว

เนื่องจากคาเฟอีนนั้นเป็นตัวกระตุ้น จึงทำให้ร่างกายมีอาการไฮเปอร์ชั่วระยะหนึ่ง ผมพยายามจะหาคำอธิบายที่เป็นทางการโดยทางการแพทย์ เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นอย่างไร แต่ก็ไม่มีคำอธิบายที่แน่ชัด คุณทราบหรือไม่ว่าจะมีความรู้สึกเช่นไรเมื่อได้รับการกระตุ้นจากคาเฟอีน แล้วก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงได้ในเวลาต่อมา ลองดูข้อความต่อไปนี้

สืบเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญบางท่าน - - อาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนนั้นสามารถทำให้เกิดสิวหรืออาจทำให้อาการสิวแย่ลงได้ คำกล่าวนี้มีข้อสรุปที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่หลายข้อ อย่างไรก็ดี ความเกี่ยวเนื่องระหว่างอาการของ Rosacea ประเภทของผิวอักเสบในผู้ใหญ่ที่ไม่เกี่ยวกับสิว สามารถทำให้เกิดการไวต่ออาหารหรือแพ้อาหารที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่ และก็ยังเป็นไปได้ที่น้ำตาลในเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมก็ทำให้อาการของสิวแย่ลงได้เช่นเดียวกัน บางคนอ้างว่าคาเฟอีนที่อยู่ในอาหารนั้นไม่ทำให้สิวและ Rosacea มีอาการแย่ลง แต่มีผลเมื่อรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มร้อน ๆ เข้าไปก็จะทำให้ดูเหมือนว่าผิวหน้าแดงขึ้น

หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทุกวันเช่น ชา กาแฟ และโคล่า หรือแม้แต่ยาที่มีคาเฟอีน อาจมีอาการก่อนมีประจำเดือนมากกว่าปกติ และมีปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์หรือร่างกาย เช่นเหนื่อยเพลีย หงุดหงิดโมโหง่าย วิตกกังวล ปวดศีรษะ อยากอาหาร ท้องผูก และเป็นสิว ซึ่งจะมีอาการเหล่านี้ได้มากกว่าหญิงที่ไม่ได้รับหรือได้รับคาเฟอีนในปริมาณน้อยกว่า


Reference

: Phyllis A Balch, Prescription For Dietary Wellness
Penguin Books, 2003

: Elizabeth Somer MA RD, Food & Mood : The Complete Guide To Eating Well and Feeling Your Best
Owl Books, 1999

แปลและเรียบเรียงโดย Acnethai.com

บทสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิม

 

คาถาสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิม

(เป็นการออกเสียงตามภาษาจีนแต้จิ๋วที่ชาวไทยเชื้อสายจีนในไทยแปลไว้ทั้งสองบท แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านสามารถอธิษฐานเป็นภาษาไทยหรือภาษาอะไรก็ได้ เพราะว่าการสื่อความหมายจะใช้แรงอธิษฐาน ที่เกิดจากความตั้งใจอันแน่วแน่ของผู้กราบไหว้ในขณะสวดบริกรรมนั่นเองที่สำคัญที่สุด)
บทสรรเสริญพระคุณ
นะโมกวงซิอิม ผ่อสัก
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมฮูก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิวโคว่ กิวหลั่ง กวงสี่อิมผู่สัก ทั่งจี้โต
โอม เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต เกียออฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ล้อเกียฮวดโต
ซาผ่อออ เทียงล้อซิ้ง ตี่ล้อซิ้ง นั้งลี่หลั่ง หลั่งลี่ซิ้ง เจ็กเฉียก ใจเอียง ห่วยอุ่ยติ๊ง
นำโมม่อออป่อเยี๊ยปอล้อบิ๊ก (กราบ)
บทมหากรุณาธารณีสูตร
โชยชิ่ว โชยงั่ง บ่อไหง๋ ไต่ปุยซิมทอลอ นีจิ่ว (๓ จบ)
ปึงซือออนีทอ ยูไล้ (๓ จบ)
นำมอ ฮอลาตัน นอตอลา เหย่ เย
นำมอ ออลีเย ผ่อลูกิดตีซอปอลาเย
ผู่ทีสัตตอพอเย หม่อฮอสัตตอพอเย
หม่อ ฮอเกียลูนี เกียเยงัน สัตพันลาฮัวอี
ซูตัน นอตันเซ
นำมอ สิดกิด ลีตออีหม่งออลีเย
ผ่อลูกิด ตีสิด ฮูลาเลงถ่อพอ
นำมอ นอลา กินซี
ซีลี หม่อฮอพันตอซาเม
สะพอ ออทอ เตาซีพง
ออซีเย็น สะพอ สะตอ นอมอ พอสะตอ
นอมอ พอเค มอฮัว เตอเตา
ตันจิต ทองัน ออพอ ลูซี
ลูเกียตี เกียลอตี อีซีลี
หม่อฮอ ผู่ทีสัตตอ สัตพอ สัตพอ
มอลา มอลา มอซี มอซี ลีทอยิน
กีลูกีลูกิดมง ตูลู ตูลู ฟาเซเยตี
หม่อ ฮอฮัว เซเยตี ทอลา ทอลา
ตีลีนี สิด ฮูลาเย เจลา เจลา มอมอ ฮัวมอลา หมกตีลี
อีซี อีซี สิดนอ สิดนอ ออลาซัน ฮูลาเซลี
ฮัวซอ ฮัวซัน ฮูลา เซเย
ฮูลู ฮูลู มอลา ฮูลู ฮูลู ซีลี ซอลา ซอลา
สิดลี สิดลี ซูลู ซูลู ผู่ถี่เย ผู่ถี่เย ผู่ถ่อเย ผู่ถ่อเย
มีตีลีเย นอลา กินซี ตีลีสิด นีนอ
ผ่อเย มอนอ ซอผ่อฮอ สิดถ่อเย ซอผ่อฮอ
หม่อฮอ สิดถ่อเย ซอผ่อฮอ สิดทอยีอี
สิดพันลาเย ซอผ่อฮอ นอลากินซี ซอผ่อฮอ
มอลานอลา ซอผ่อฮอ สิดลาเซง ออหมกเคเย
ซอผ่อฮอ ซอผ่อหม่อฮอ ออสิดถ่อเย ซอผ่อฮอ
เจกิดลา ออสิดถ่อเย ซอผ่อฮอ ปอทอมอกิดสิดถ่อเย
ซอผ่อฮอ นอลากินซี พันเคลาเย ซอผ่อฮอ
มอพอลี เซงกิดลาเย ซอผ่อฮอ
นำมอห่อลาตัน นอตอลาเยเย
นำมอออลีเย ผ่อลูกิตตี ชอพันลาเย ซอผ่อฮอ
งันสิดตินตู มันตอลา ปัดถ่อเย ซอผ่อฮอ
(เจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ (อวโลกิเตศวร) ผู้ทรงแบ่งภาคได้หลายภาค เพื่อมาโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย และทรงเอื้ออารีย์แก่มวลมนุษย์ที่ได้กราบไหว้บูชาให้ประสบผลสำเร็จอันพึงปรารถนาได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ท่านสามารถช่วยปัดเป่าความทุกข์ภัยพยันตรายให้ท่านที่เดือดร้อน ท่านสามารถสวดคาถาบูชาเจ้าแม่กวนอิมให้ครบ ๑๐๘ จบทุกวันโดยตั้งจิตอธิษฐานให้แน่วแน่ ก็จะได้ผลสำเร็จอันพึงปรารถนาทุกประการ)  

วิธีแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล

พระเทพสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม)
วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
(เทศน์ให้พระสงฆ์ฟัง มิได้เทศน์ให้ฆราวาสฟัง)
โพสท์ในลานธรรมเสวนา กระทู้ที่ 003600 โดยคุณ : สยาม [ 25 ต.ค. 2544]
ท่านเถรานุเถระและพระนวกะทั้งหลาย วันนี้ผมจะเรียนถวายวิธีแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล ท่านเป็นพระบวชใหม่ยังไม่เข้าใจ ขอให้ตั้งใจฟัง อย่าวอกแวก ทำใจให้สงบ ตั้งสติก่อน ผมทำได้ผลแล้วนะ จะสอนถวายอุทิศให้ตั้งสติหายใจยาว ๆ ตอนที่กรวดน้ำเสร็จแล้วอธิษฐานจิตไว้ก่อน อธิษฐานจิตหมายความว่า ตั้งสติสัมปชัญญะไว้ที่ลิ้นปี่ สำรวมกาย วาจา จิต ได้ตั้งมั่นแล้ว จึงขอแผ่เมตตาไว้ในใจสักครู่หนึ่ง แล้วก็ขออุทิศให้บิดามารดาของเราว่าเราได้บำเพ็ญกุศล ท่านจะได้บุญได้ผลแน่ ๆ เดี๋ยวนี้ด้วย ผมเรียนถวายนะ มิฉะนั้นผมจะอุทิศไปยุโรปได้อย่างไร ท่านทั้งหลายไม่สนใจไม่เป็นไรนะ ผมทำของผมได้ผลเองโดยแผ่เมตตาก่อน บางทีสอนกรรมฐานกัน อุทิศกันแล้วทำอะไรก็ไม่ได้ผล กรรมฐานก็ไม่ได้ ประโยชน์อานิสงส์ก็ยังไม่ได้ แผ่ไม่ออกนะ ไม่ได้ผล เป็นบาปเปล่า ๆ
หายใจยาว ๆ ตั้งสติก่อน หายใจลึก ๆ ยาว ๆ แล้วก็แผ่เมตตาก่อน มีเมตตาดีแล้ว ได้กุศลแล้ว เขาก็อุทิศเลย อโหสิกรรม ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่พยาบาทใครอีกต่อไป และเราจะขออุทิศให้ใคร ญาติบุพเพสันนิวาสจะได้ก่อน ญาติเมื่อชาติก่อนจะได้มารับ เราก็มิทราบว่าใครเป็นพ่อแม่ในชาติอดีต ใครเป็นพี่น้องของเราเราก็ไม่ทราบ แต่แล้วเราจะได้ทราบตอนอุทิศส่วนกุศลนี้ไปให้ เหมือนโทรศัพท์ไป เขาจะได้รับหรือไม่ เราจะรู้ได้ทันที
ขณะที่ท่านสวดมนต์อุทิศให้ว่า ยาเทวตา...., อิมินา.... เป็นต้น ท่านจะรู้นะว่าย้อนกลับมา เหมือนเราโทรศัพท์ไป อ๋อ มีคนรับ เขาจะย้อนตอบเราว่าฮัลโหล เป็นต้นนี่ก็เช่นเดียวกัน เราจะปลื้มปีติทันทีนะ เราจะตื้นตันขึ้นมาเลย ถ้าท่านมีสมาธิ น้ำตาท่าจะร่วงนะ ขนพองสยองเกล้าเป็นปีติเบื้องต้นถ้าท่านมาสวดมนต์กันส่งเดช ไม่เอาเหนือเอาใต้ ท่านไม่อุทิศ ท่านจะไม่รู้เลยนะ ขอฝากท่านนวกะไว้ด้วย วันนี้ท่านทำบุญอะไร สร้างความดีอะไรบ้าง ดูหนังสือ ท่องจำบทอะไรได้บ้าง ก็อุทิศได้เมืองฝรั่งเขาไม่มีการทำบุญ เราไปทอดกฐิน ผ้าป่า ถวายสังฆทาน เขาทำไม่เป็น แต่ทำไมเขาเป็นเศรษฐี ทำไมเขามีความเจริญทางด้านเทคโนโลยี ทำไมถึงเจริญด้วยอารยธรรมของเขา เพราะเขามีบุญวาสนา เขาตั้งใจทำ มีกิจกรรมในชีวิตของเขา
จะยกตัวอย่าง วันนี้เขาค้าขายได้เป็นพันเป็นหมื่นด้วยสุจริตธรรม เขาก็เอาอันนั้นแหละอุทิศไป วันนี้เขาปลูกต้นไม้ได้มากมาย เขาก็เอาสิ่งนี้อุทิศไปว่าได้สร้างความดีในวันนี้ ไม่ได้อยู่ว่างแต่ประการใด เขาก็ได้บุญ ไม่จำเป็นต้องเอาสตางค์มาถวายพระเหมือนเมืองไทย ถวายสังฆทานกันไม่พัก ถวายโน่นถวายนี่แต่ใจเป็นบาป อุทิศไม่ออก บอกไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น จะไม่ได้อะไรเลยนะเมืองไทยนี่ผมพูดมานาน ส่วนใหญ่ปากเป็นบุญใจเป็นบาปทั้งนั้น รับศีลแล้วก็ไปดื่มเหล้า รับศีลแล้วก็ไปเล่นการพนัน นี่ ใจไม่ยอมรับ ดื้อด้าน เพราะไม่ได้ปฏิบัติธรรมฝรั่งเขามีธรรมะ ผมไปยุโรปมา ๕ ประเทศ เขามาถามธรรมะกันมาก แต่คนไทยมาขอบุญช่วย มาวัดแต่ละรายมีแต่ให้ช่วยทั้งนั้น แต่เขาไม่มีโอกาสจะช่วยตัวเองเลยนะ ขอฝากท่านทั้งหลายไว้ด้วย ที่ผมไปประสบมา
ที่ผมแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล ไปเข้าบ้านลูกสาวญวนที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ทำอย่างนี้นะ เวลาสวดมนต์ อิติปิโส... ยาเทวตา... ตั้งใจสวดด้วยภาษาบาลีเช่นนี้ ที่หยุดเงียบไปน่ะ ผมสำรวมจิตตั้งสติแผ่เมตตา จิตสงบดีแล้วจึงอุทิศไปบางองค์ไม่เอา เอามือลง ไม่อธิษฐาน ท่านจะไม่ได้อะไร แล้วสวดกันก็ได้ด้วย ที่ท่องจำโคลงให้ได้น่ะเพื่อให้คล่องปาก ว่าให้คล่องปากแล้วก็จะคล่องใจ คล่องใจแล้วถึงจะเป็นสมาธิ เป็นสมาธิแล้วถึงจะอุทิศได้ ไม่อย่างนั้นไม่ได้นะเอาตำรามาดูกันก็ไม่ได้ผล แต่ดูตำราเพื่อให้ถูกวรรคตอน และให้คล่องปาก แล้วจะได้คล่องใจ เป็นสมาธิ ถึงจะมีกำลังส่งอุทิศ ไม่อย่างนั้นไม่มีกำลังส่งเลยนะท่านบัณฑิตทั้งหลาย ที่ท่านมาบวชกันสนใจเอาไปเลยครับ ผมจะถวาย ไม่สนใจเอาของผมทิ้งไว้ ท่านจะไม่ได้ผลอะไรเลย เสียเวลาการมาก ผมคิดเสมอว่า หนึ่งนาทีเท่ากับหนึ่งตำลึงทอง ชีวิตของท่านมีค่าไหม ที่ผมพูดมานานท่านจะตีความหมายไม่ออกชีวิตท่านมีค่ามากยิ่งกว่าเพชรนิลจินดา ท่านจะรู้ว่าเวลามีประโยชน์ บวชเก่าบวชใหม่ถ้าไม่ได้ทำประโยชน์ของตนก็ไร้ประโยชน์พวกฝรั่งคาทอลิก ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าพุทธ เขานั่งกรรมฐานเยอะและได้ผลนะ ผมไปเห็นอารยธรรมของประเทศต่าง ๆ เขาเจริญจริง ๆ เขาสะอาดจริง ๆ เขาไม่มีการถวายสังฆทาน กฐินผ้าป่าเขาก็ไม่มี คนไทยทัวร์กฐิน ทัวร์ผ้าป่าไปตามสภาพ มากันเป็นพัน มาทานข้าวแล้วยังด่าเราเสียอีก นี่แหละปากเป็นบุญ ใจเป็นบาป
การอุทิศส่วนกุศล นี่สำคัญนะ แต่ต้อง แผ่เมตตา ก่อน แผ่เมตตาให้มีสติก่อน แผ่เมตตาให้มีความรู้ว่าเราบริสุทธิ์ ใจมีเมตตาไหม และอุทิศเลย มันคนละขั้นตอนกันนะแผ่เมตตากับอุทิศมันต่างกัน ทำใจให้เป็นเมตตาบริสุทธิ์ก่อน ไม่อิจฉา ไม่ริษยา ไม่ผูกพยาบาทใครไว้ในใจ ทำให้แจ่มใส ทำใจให้สบาย คือเมตตา แล้วเราจะอุทิศให้ใครก็บอกกันไป มันจะมีพลังสูง สามารถจะอุทิศให้คุณพ่อคุณแม่ของเรากำลังป่วยไข้ ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ เช่น วีโก้ บรูน ชาวนอรเวย์ ที่เคยมาบวชที่วัดนี้ เป็นต้น
วันนี้ผมจะถวายความรู้เกี่ยวกับการอุทิศส่วนกุศล โปรดฟังต่อไป
เรามาสวดมนต์ไหว้พระกันว่า โยโสภะคะวา....ใจเป็นบุญไหม สวากขาโต... สุปฏิปันโน...ใจเป็นบุญไหม ท่านจะฟุ้งซ่านไปทางไหน สำรวมอินทรีย์ หน้าที่คอยระวัง เอาของจริงไปใช้ อย่าเอาของปลอมมาใช้เลย ท่าจะเอาบุญหรือเอาบาป คืนหนึ่งกับวันหนึ่ง ท่านคิดนอกออกในอย่างไร จะรู้ได้ด้วยตัวของท่านเองนะ ท่านทำประโยชน์อะไรในวันนี้ เอามาตีความ สำรวมตั้งสติไว้ก่อน ว่าขาดทุนหรือได้กำไรชีวิต และจะไปเรียงสถิติในจิตใจเรียกว่าเมตตา แปลว่าระลึกก่อน เมตตาแปลว่าปรารถนาดีกับตนเอง สงสารตัวเองที่ได้สร้างความดีหรือความชั่วเช่นนี้ วันนี้เราดูหนังสือได้อะไรบ้าง ไม่จำเป็นต้องเอาสตางค์ไปทำบุญเลย วันนี้เราอ่านหนังสือ ท่องนวโกวาทได้ วันนี้ดูธรรมะได้ วันนี้ท่องสวดมนต์ไหว้พระได้ นั่นแหละท่านจะตื้นตัน ท่านจะปีติ ท่านจะยินดี ที่อ่านหนังสือ ท่องบ่น ท่องจำนวโกวาทได้ นั่นแหละเป็นบุญ เป็นคุณประโยชน์ของท่านเอง ในเมื่อเป็นคุณประโยชน์ของท่านแล้ว ท่านจะได้อะไรต่อไป เกิดปีติตอบแทน ปลื้มใจ ดีใจ อันถูกต้องเป็นมงคล มงคลเรียกว่า การปลื้มปีติยินดีในธรรม ได้ผลสมคาดปรารถนา เป็นการสร้างกุศลให้แก่ชีวิตของตนใช่หรือไม่
ท่านทั้งหลายอย่าสร้างอกุศลกรรม สร้างมงคลไว้เถอะ อย่าสร้างอัปมงคลทุกวัน ทำอะไรไม่เชื่อฟัง นั่นแหละเป็นอัปมงคล เป็นอกุศลกรรม เอาดีไม่ได้หรอกครับ ขอเรียนถวายว่า ไม่จำเป็นต้องมีสตางค์เอาไปถวายพระ ไปถวายโน่น ถวายนี่ แล้วก็เป็นบุญ ไม่จริงแน่ ๆ บุญต้องสะสมไว้ในจิตใจของท่าน นะครับ พระนวกะที่รักทั้งหลาย โปรดคิดความหมายและเครื่องหมายแห่งความดีนี้ก่อน ความดีเป็นเครื่องหมายของคนดี ความชั่วเป็นเครื่องหมายของคนชั่ว เครื่องหมายของคนดี ดูลักษณะอย่างการบวชนี้เป็นต้น เราชายชาติเชื้อดีครั้งเดียวนะครับคือบวช เราจะไม่มีโอกาสทำดีเชียวหรือ ท่านออกแขกไม่ดีแล้ว ท่านจะเล่นตลอดชีพเลวร้าย ในยามแก่ก็จะแย่ซิ จะเป็นอัมพาต นอนร้องครวญครางในภายหลังนะ และอกุศลจะย้อน ทำให้สร้างความดีไม่ได้ ท่านจะไม่ได้อะไรเลย นอกเหนือจากไม่ได้แล้วต้องขาดทุนด้วย เสียหายด้วย ถ้าเสมอตัวไปก็ดี แต่เสมอตัวมีทางขาดทุน ถ้าได้กำไรชีวิตแล้วกำไรก็จะได้งาม ท่านมีความประสงค์สิ่งใดท่านจะได้ผลนี้เป็นประโยชน์มาก
ท่านนวกะ วันหนึ่งและคืนหนึ่ง ท่านได้สะสมบุญ ดีใจในความสุข ที่ท่านได้ท่องหนังสือได้ ท่องสวดมนต์ไหว้พระได้ ดีใจไหม ปลื้มปีติยินดี จิตใจของท่านก็เบิกบานได้ท่องหนังสือ ได้พิจารณาปัจจัย ๔ ได้ท่องสวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตรเช้าเย็น ได้หมดแล้ว นั่นแหละบุญ ปลื้มปีติยินดีในจิตใจของท่าน ถ้าท่านจะคิดว่าบวชเดี๋ยวเดียวก็สึกไป อย่าคิดอย่างนั้นนะท่านจะขาดทุนนะ คิดแล้วขาดทุน ท่านจะเสียใจในขณะนั้น ถ้าท่านมีสติดี ท่านจะรู้ได้ว่า ท่านขาดทุนหรือได้กำไร ชีวิตนี้คืออะไร ท่านจะตีความหมายของท่านได้ ไหน ๆ มาบวชกันไกลแสนไกลแล้ว ให้มันได้อะไรไปบ้าง ฟังอุปัชฌาย์พูดบ้าง อย่าเอาแต่อารมณ์ อย่าเอาแต่สิ่งที่ไร้สาระ อุปัชฌาย์ชอบอะไรหรือ ชอบเอาของดีให้ อย่าเอาของชั่วมาปนของดี ของดีจะเสีย ท่านเป็นบัณฑิตแล้ว มีปริญญากันทั้งนั้น และเป็นผู้มีอายุไม่ใช่เด็กแล้ว เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกรูป ผู้ใหญ่คือผู้มีคุณธรรมแล้ว คุณธรรมของท่านผู้ใหญ่จะเต็มไปด้วยเมตตา เต็มไปด้วยความปรารถนาดี และสงสารสรรพสัตว์ สงสารตัวเอง มีมุทิตาจิต ส่งกระแสจิตด้วยความดีใจ และวางอุเบกขาบางประการที่ไม่ต้องประสงค์ วางตนให้เป็นกลาง ไม่ปล่อยอารมณ์ไปเข้าข้างโน้น เข้าข้างนี้ และไม่เข้าข้างตัวเองด้วย เรียกว่า อุเบกขาของท่านผู้ใหญ่ เราก็เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกรูปแล้วไม่ใช่เด็ก มีคุณธรรมสูงทุกองค์ มีสมบัติมนุษย์ทุกองค์ และมีคุณค่าทุกองค์ ค่าของชีวิติมนุษย์ มันตีค่าราคาไม่ได้เลย มันสูงที่สุด ชีวิตมีค่าอย่างนี้ ท่านจะคิดว่าเวลาน่ะมีประโยชน์เหลือเกินนะครับ ท่านโปรดตีความหมาย ไม่ใช่มาบวชกันเล่นสนุกสนาน เราเป็นชายชาติเชื้ออย่าเหลือวิสัย ได้ชีวิตครั้งแรกคือการบวช ท่านจะอวดเขาได้ไหม นี่ชีวิตครั้งเดียวนะ ไม่ใช่ผลุบเข้าผลุบออกเหมือนอย่างเก่า บวชแล้วบวชอีก เหมือนบวดกล้วย บวดฟักทอง ใช้ไม่ได้
การบวชเป็นชีวิตครั้งแรกของลูกผู้ชาย ที่เรามาชุบตัวเอง เหมือนเงาะป่าโดดลงไปในบ่อทองฉะนั้น และเราก็เอาทองเกลือกกลั้วในจิตใจ เงาะป่าจะได้ดีเพราะพูดไม่เป็น มันเป็นใบ้ มันสวนเงาะ
กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทำความเพียรมาก คือ เงาะป่า
ต่อไปจะถอดเงาะเป็นพระสังข์ทองนะ รูปตัวเป็นทองหล่อหลอมด้วยจิตใจ มีประกายด้วยธรรมะ แสงระยิบระยับทั่วโลก จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองไม่เหมือนหกเขยหน้าโง่ ตาก็โง่ หูก็โง่ จมูกก็โง่ ปากก็โง่อีก ทวารหกโง่หมด เรียกว่าหกเขย สู้เงาะป่าผู้เดียวไม่ได้เลย รจนายาใจ อยู่หลายไร่ปลายนา ยังมีความสุขความเจริญ เป็นมหามงคลชีวิต อยู่ตรงนี้นะ แต่ทุกคนไม่เข้าใจที่มาบวชกันนี้ ท่านเก็บหน่วยกิตไว้เถอะ ทีละหยดทีละหยาดเป็นบาปหรือเป็นบุญ เป็นคุณหรือเป็นประโยชน์ ประโยชน์จะถึงได้กับท่านตรงไหน ท่านรู้ตัวของท่านเองนะครับ ผมไม่ไปรู้ของท่านหรอก ไม่อยากรู้ของใคร อยากรู้ของตัวเองว่าทำอะไรบ้าง มีกำไรชีวิตอะไรบ้างในวันนี้ ทำประโยชน์ต่อวัดวาอารามตรงไหน กิจวัตรอย่างไร เรารู้ตัวของเรา แจ้งแก่ใจทุกรูปทุกนามแล้ว ไม่มีใครตีตราให้ท่าน ท่านต้องตีตราของท่านเองนะ เรือจะออกระวัง เรือจะจอดระวัง แต่วิ่งเสียแล้วมันก็ไม่เป็นไร เหมือนเครื่องบิน เวลาจะขึ้นจะลงต้องรัดเข็มขัด การบวชนี้ก็เช่นเดียวกัน จะบวชจะสึกต้องดูให้ดีนะ คิดให้ยาว จะอยู่แค่หัวบันไดหรือประการใด โปรดท่องคำคมนี้ไว้ จะเห็นสั้นดีกว่ายาว หรือเห็นยาวดีกว่าสั้น ต้องคิดแล้วคิดอีกนะ ใน โยนิโสมนสิการ นี้ ผมยังไม่เคยเห็นใครแผ่เมตตาได้ผลเป็นตัวหนังสือเลยนะ ลมหายใจเข้าออกนี่เป็นตัวหนังสือได้ จะสอนครูกรรมฐานก็ยังทำกันไม่ได้ ยืนหนอ ๕ ครั้งก็ทำกันไม่ได้ ยังเคลือบแคลงสงสัยว่าตรงไหนเป็นอะไร ขอเรียนถวายว่า การแผ่เมตตานี่สำคัญมาก
เวลาเราสวดมนต์ตั้งแต่ โยโสภควา... อรหังโปรดตั้งใจครับ เพ่งกระแสจิตไปที่พระปฏิมากรรม แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยจิตเป็นสมาธิ แล้วรำลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยสมาธิ ข้าพเจ้าประพฤติธรรม นึกถึงพระสังฆะ แปลว่า หมู่สงฆ์อยู่ด้วยความสามัคคี เรียกอาวุโส ภันเต มีการเคารพพระอาวุโส มีการเคารพนบนอบพระธรรมคำสอนอันนี้เป็นประจำข้าพเจ้าขอไหว้พระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระธรรมคำสอน พร้อมด้วยพระสังฆะแห่งอริยสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทั่วหน้ากัน แล้วน้อมจิตเป็นดวงหทัย แก้วใสสะอาดหมดจดในการสวดมนต์ภาวนา
พุทโธ สุสุทฺโธ
รูปํ อนิจฺจํ เวทนา อนิจฺจา สญฺญา อนิจฺจา...
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณในร่างกาย ไม่เที่ยงแท้ ไม่แน่นอน และเราก็พิจารณาในการสวดไปด้วย จะได้บุญจะได้คุณประโยชน์และเราก็รวบรวมบุญขณะสวดมนต์ในวันนี้ เอามาเป็นพลวปัจจัย เวลาสุดท้ายก็มี
ยาเทวตา...
อิมินา.... เป็นต้น
และเราก็ว่าไปด้วยเสียงดังฟังชัด และน้อมนึกสรุปจบลงก็นั่งสมาธิ สำรวมจิตภาวนา หลับเนตรร่ายเวทย์พระคาถา ภาวนาอุทิศ เรียกว่า แผ่เมตตา หายใจยาว ๆ ตั้งกัลยาณจิตไว้ที่ลิ้นปี่ ไม่ใช่พูดส่งเดช จำนะ ที่ลิ้นปี่เป็นการแผ่เมตตา จะอุทิศก็ยกจากลิ้นปี่สู่หน้าผาก เรียกว่า อุณาโลมา ปจชายเต
นะอยู่หัว สามตัวอย่าละ นะอยู่ที่ไหน ตามเอามา แล้วก็อุทิศทันที จึงถึงตามที่ปรารถนา ไม่ว่าเป็นโยมพ่อ โยมแม่ จะให้น้องเรียนหนังสือ จะให้พี่เรียนหนังสือ หรือจะให้บุตรธิดาของตน จะได้ผลขึ้นมาทันที
ลูกว่านอนสอนยาก ลูกติดยาเสพติด ถ้าทำถูกวิธีแล้ว มันจะหันเหเร่มาทางดีได้ พ่อแม่กินเหล้าเมายา เล่นการพนัน ลูกจะไปสอนพ่อแม่ไม่ได้ มีทางเดียวคือ เจริญพระกรรมฐาน สำรวมจิต แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล
นะอยู่หัว สามตัวอย่าละ นะอยู่ที่ไหนตามเอามาให้ได้ หมายความว่ากระไร ถ้าท่านทำกรรมฐาน ท่านจะทายออก นะตัวนี้สำคัญ
นะ มีทั้งเมตตามหานิยม
นะ แปลว่า การกระทำอกุศลให้เป็นกุศล
นะ แปลว่า ทำศัตรูให้เป็นมิตร สร้างชีวิตในธรรม
แล้วก็อุทิศส่วนกุศลไป ท่านทำได้หรือยัง ท่านเถรานุเถระท่านทำได้ไหม อย่าทำด้วยอารมณ์ อย่าทำด้วยความผูกพยาบาท อาฆาตต่อกัน ละเวรละกรรมเสียบ้าง แล้วจิตจะโปร่งใส ใจก็จะสะอาด แล้วก็อุทิศไป
จิตมันไม่ติดไฟแดง จิตไม่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา จิตมันทะลุฝาผนังได้ ท่านเข้าใจคำนี้หรือยัง จิตมันตรงที่หมาย จิตไม่มีตัวตน จิตคิดอ่านอารมณ์ มีจิตโปร่ง ท่านจะทำอะไรก็โล่งใจ สบายอกสบายใจ นะอยู่หัว สามตัวอย่าละ เอานะไปอุทิศให้ได้
ถ้าท่านมีครอบครัวแล้วโปรดตั้งปฏิญาณในใจว่า ให้บุตรธิดาของเรารวยสวยเก่ง เร่งเป็นดอกเตอร์ อย่างนี้ซิถึงจะถูกวิธีของผม
ท่านจะสะสมว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง เช่น วันนี้ข้าพเจ้าท่องหนังสือได้ ท่านจะดีใจไหม วันนี้ปลูกมะม่วงไปได้ร้อยต้น ปลูกกล้วยไปได้ร้อยต้น ดีใจมาก นั้นแหละอุทิศได้ ไม่ต้องนำสตางค์ไปถวายวัดโน้นวัดนี้หรอกนะ ถวายตัวเอง ทำความดีให้กับตัวเอง และเอาความดีแพร่ขยายไปถึงจะถูกต้อง
ขอฝากพระนวกะไว้ด้วย ท่านต้องการอะไร เตรียมการ ณ บัดนี้ เข้าพรรษามา ๑ วันพระแล้ว จะเรียนหนังสือหรือไม่เรียน ท่านคิดเอาเองนะ มีไหมที่ผมให้ความชั่วท่าน มีแต่ให้ระเบียบวินัย ทำอะไรให้เรียบร้อย ทำอะไรให้คล้อยตาม ปฏิบัติตาม จะสวยน่ารัก ขอเรียนถวายไว้ ผมก็คำนวณให้ท่าน แผ่เมตตาให้ท่านทุกวัน ผู้รู้นะว่าท่านบาปหรือบุญ แต่ไม่พูด ใครอยากพูดก็พูดไป ไม่กล่าวขวัญกันอีกต่อไป
ท่านสรุปกำไรชีวิตแต่ละวันเวลาของท่านไว้ บวกลบคูณหารตอนออกพรรษา ท่านจะได้กำไรหรือขาดทุน ท่านจะได้บุญมากหรือบาปมาก ท่านจะรู้เอง ไม่มีใครไปบอกท่านหรอก ท่านเป็นพระภิกษุผู้ประเสริฐแล้ว เป็นอุดมเพศสูงสุดแล้ว ไม่ต้องไปนับคะแนนกันว่าสอบได้หรือสอบตก ท่านตรองดูเองเถอะครับ ว่า ทำอะไรเป็นประโยชน์แก่วัด อำนวยประโยชน์แก่ประชาชน สร้างกุศลอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ญาติโยมบ้าง อย่าเข้าข้างตัวเองนะครับ ท่านจะเสียศักดิ์ศรี
ท่านปฏิบัติกรรมฐานอย่างที่ผมเรียนถวายได้หรือไม่ รู้กฎแห่งกรรมจริงไหม รำลึกชาติของชีวิตได้ไหม และ แก้ปัญหาได้ไหม มันเกิดขึ้นเฉพาะหน้า มันมาจากเหตุผลประการใด ท่านทราบหรือไม่ ท่านรู้อย่างนี้จะเหลือกินเหลือใช้นะ เป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายแล้ว วันนี้เป็นวันธรรมสวนะ เป็นวันพระ เป็นวันที่เราจะบำเพ็ญกุศลกันให้มาก และเป็นวันที่เขาหยุดเมืองสวรรค์นรก ขอให้ท่านนวกะโปรดแผ่เมตตาอุทิศให้ บรรดาญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว สู่สัมปรายภพ มาปรารภสามัคคี เรียกว่า สามัคคีธรรมนำสันติสุข เป็นการปรองดองเป็นญาติพี่น้องท้องเดียวกัน ท่านจะเกิดประโยชน์เอง
อย่าลืม กฎแห่งกรรม นะครับ ผมช่วยท่านไม่ได้หรอก มีฟ้าเหนือฟ้า อะไรจะเหนือกฎแห่งกรรมนะครับ ต่อหน้าทำอย่างไร ลับหลังให้ทำอย่างนั้น ทำอะไรให้มีประโยชน์ต่อส่วนรวม รับรองได้เลยว่า ท่านจะได้อานิสงส์เป็นสังฆทาน เป็นสาธารณประโยชน์ร่วมกัน ได้อานิสงส์มาก ท่านไปขุดน้ำกินเสียบ้านเดียว ท่านจะได้อะไรหรือ ขุดบ่อน้ำสาธารณะกินได้ทุกบ้าน ใครมาก็กิน ใครมาก็ใช้ ท่านได้บุญมาก มีถนนส่วนบุคคล ท่านเดินได้เฉพาะบ้านเดียว ไม่สาธารณะแก่คนทั่วไป ท่านจะได้บุญน้อยมาก มีอานิสงส์น้อยมาก นี่เปรียบเทียบถวาย
เรื่องจริงเป็นอย่างนั้น ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อกัน อย่าหวงกัน จะได้ช่วยกันต่อไป เราจะได้มีสมัครพรรคพวกมากขึ้น ได้พี่น้องมากขึ้น ทำอะไรถึงจะสำเร็จ ได้บรรยายให้ท่านฟังว่าแผ่ส่วนกุศลทำอย่างไร อุทิศตรงไหน ทำใจตรงนั้น และวางจิตไว้ตรงไหน ถึงจะได้ อย่าลืมนะ ที่ลิ้นปี่ หายใจยาว ๆ สำรวมเวลาสวดมนต์นั้นน่ะได้บุญแล้ว ไม่ต้องเอาสตางค์ไปถวายองค์โน้น องค์นี้หรอก แล้วสำรวมจิตส่งกระแสจิตที่ หน้าผาก อุทิศส่วนกุศล
เวลาแผ่เมตตาเอาไว้ที่ ลิ้นปี่ สำรวมอินทรีย์ หน้าที่คอยระวัง นะ อุ อุอะมะ อุอะมะ อะอะอุ นะอยู่ตรงไหน เอามาไว้ตรงไหน จับให้ได้แล้วอุทิศไป
เวลาจะอุทิศส่วนกุศลตรงไหน ทำอย่างไร ท่านจะได้นะครับ อย่าทำโดยคลุมเครือ เดาสุ่มไป ท่านจะไม่ได้ผล ทำอะไรไม่มีหลักฐานะ ทำอะไรไม่มีผลงาน ไหนเลยล่ะจะเป็นกิจกรรมของชีวิตได้ ผมทำมา ๔๐ กว่าปีแล้ว ทำได้ผล ขอถวายความรู้เป็นบุญ เป็นกุศล ให้ท่านได้บุญอย่างประเสริฐไป จะได้อุทิศให้โยมเขา เขาเป็นโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าไม่เหลือวิสัยมันก็หายได้
วันนี้ก็ขอจบรายการที่ได้อุตส่าห์ถวายความรู้ท่าน โดยที่ผมก็อาพาธมากมาย แต่ก็จะไม่ให้ขาดการถวายความรู้ท่าน เพื่อไม่ให้เสียเวลาที่ท่านมาบวช ก็ได้โปรดเห็นใจ อย่าลืมว่า ความเรียบร้อย ต้องคล้อยตามนะ ถ้าอย่างนั้นไม่เรียบร้อยเลย
ขอความสุขสวัสดีจงมีงอกงามไพบูลย์แก่ท่านพระเถระนวกะ ขอท่านเจริญรุ่งเรือง เจริญธรรมสัมมาปฏิบัติในพระกรรมฐาน งอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนา มีความสุขโดยทั่วหน้ากัน และจงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ นึกคิดสิ่งหนึ่งประการใด ให้สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกรูป ทุกนาม ณ โอกาสบัดนี้เทอญ
ที่มาจากคุณ : สยาม [ 25 ต.ค. 2544]

วิบากกรรมมีจริงหรือ?

 

ถาม – วิบากกรรมมีจริงหรือ?


ตอบ - หลายท่านที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟทะยานแรงอ่านกรรมพยากรณ์แล้วเกิดความรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก็มักส่งคำถามนี้มาเสมอ ถ้าผมตอบแค่ ‘จริง’ ไปเฉยๆ ก็มักมีข้อสงสัยอื่นตามมาอีกเป็นพรวน เช่นทำไมคนทำชั่วยังเห็นได้ดีลอยนวลอยู่ นี่เป็นความกังขาที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และบางครั้งคำตอบที่เป็นคำพูดช่วยเหลืออะไรไม่ได้


เช่นต่อข้อกังขาข้างต้นนั้น ผมมักอุปมาอุปไมยว่าถ้าเขาสร้างเรือมาเป็นลำใหญ่แข็งแรง เขาต้องใช้เวลาเจาะ ใช้เวลาทุบ ใช้เวลารื้อเรือของตัวเองเนิ่นนานกว่าที่มันจะจม เราไปหวังเห็นเรือล่มทันทีที่เขาเอาค้อนปอนด์ทุบพื้นเรือแรงๆโป้งเดียวมันไม่ได้ แต่การเปรียบเปรยก็เป็นแค่โวหาร สะกิดใจเดี๋ยวเดียวก็ลืม ไม่ช่วยคลายกังขาในระยะยาวแต่ประการใด


 

สิ่งที่ผมนิยมมากกว่าการพูดตอบจึงมักเป็นคำแนะนำให้ทำกรรมอะไรสักอย่างที่เห็นผลชัดเจนทันตาทันใจที่สุด เอาให้รู้สึกเหมือนนักทดลองในห้องวิจัยพิสูจน์ถูกผิดทางวิทยาศาสตร์ ใส่เหตุเข้าไปอย่างนี้ ดูซิจะได้ผลออกมาอย่างนั้นๆตามทฤษฎีหรือไม่ เมื่อปรากฏการณ์ธรรมชาติเกิดขึ้นให้รู้ประจักษ์กับตัว ก็จะได้ทำลายความสงสัยลงได้มากระดับหนึ่ง เพียงพอให้เต็มใจพากเพียรก่อร่างสร้างกรรมดีเพื่อเห็นผลชัดยิ่งๆขึ้นไป สมกับที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้สั่งสมบุญย่อมเป็นสุข และนั่นก็หมายถึงการได้มีเสบียงชั้นดีไว้ติดตัวในยามต้องเดินทางไกลกันต่อไป


วันนี้ผมก็อยากเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องทุกท่านได้ร่วมแรงร่วมใจทำอะไรอย่างหนึ่ง อันอาจเป็นความประทับใจ ทำให้ทรงจำไปตลอดชีวิตของพวกท่าน!


ก่อนอื่นขอให้ข้อมูลเป็นการปูพื้นเบื้องต้นสักนิดหนึ่ง นับตั้งแต่นิตยสารบางกอกฉบับนี้วางจำหน่าย จะมีคนอ่านเฉลี่ยวันละประมาณแสนคนไปจนถึงอาทิตย์หน้า โดยมีกระจุกคนอ่านมากเป็นพิเศษในช่วงเช้าตรู่และช่วงเย็นหลังเลิกงาน


โดยการประมาณอย่างคร่าวที่สุด ชั่วโมงเดียวกับที่คุณกำลังอ่านคอลัมน์นี้ จะมีเพื่อนชาวบางกอกอื่นๆอ่านเนื้อความเดียวกันอยู่เป็นหลักหมื่น เพียงคุณนึกสบายๆถึงความจริงที่เกิดขึ้นรอบด้านดังกล่าว ก็น่าจะเกิด ‘ความรู้สึกร่วม’ ขึ้นมาได้วูบหนึ่ง อาจเป็นความรู้สึกอบอุ่นใจ อาจเป็นอาการขนลุกแผ่ว หรืออาจรู้สึกเป็นจริงเป็นจังคล้ายกำลังร่วมประชุมใหญ่กับเพื่อนร่วมชมรม


ความรู้สึกร่วมมีพลังในตัวเอง คุณเคยเห็นหนังสือพิมพ์ที่มาส่งเหมือนเค้กร้อนๆก้อนใหม่ น่าให้บริโภคข่าวสารไหม? เคยรู้สึกไหมว่าถ้าเห็นหนังสือพิมพ์เก่าไปแม้แต่เพียงวันเดียวจะน่าเหม็นเบื่อ ทำให้เราไม่อยากหยิบขึ้นอ่าน?


ตอนดูทีวีเชียร์บอลหรือเชียร์กีฬาใดๆ แม้ไม่ได้ดูแบบติดปลายนวม คุณก็อยากชมการถ่ายทอดสดมากกว่าแบบบันทึกเทป โดยเฉพาะถ้าเป็นประเภทมวยคู่หยุดโลก ชนิดที่ทำให้เรารู้สึกได้เลยว่ากำลังมีเพื่อนร่วมโลกปักเก้าอี้ตั้งตาดูด้วยความระทึกใจในเวลาเดียวกับเรา ใครเอาช้างมาฉุดก็ไม่มีทางได้ตัวเราไปไหนอื่นแน่ แม้เกมจบอารมณ์ก็ยังไม่จบ อยากพูดคุยแลกเปลี่ยนอภิมหาความมันเข้าไส้กับใครต่อใครไปทั้งวัน


นี่เป็นความจริงที่ทุกคนสัมผัสได้อยู่ในส่วนลึกมาตลอด แต่ไม่มีใครพูดออกมา และไม่มีใครเห็นว่ามีสาระสำคัญอย่างไร จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้ แต่วันนี้ถ้าทุกคนมีใจสมัครสมานพร้อมกันปรารถนาจะพิสูจน์วิบากกรรม คุณๆอาจจำไว้บอกต่อกับญาติๆว่าปาฏิหาริย์มีจริง!


คอลัมน์ ‘เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว’ ฉบับนี้จะบอกคุณว่า เมื่อใดที่คิดรักษาศีลให้ได้เพียง ๑ ข้อด้วยความรู้สึกเด็ดเดี่ยว เมื่อนั้นคุณจะได้รับผลกรรมทันที เป็นความสุขใจ สุขเบา สุขเย็น และถ้าหากรับรู้ว่ากำลังมีกลุ่มคนอีกจำนวนมากกำหนดจิต ตั้งเจตนาเช่นเดียวกันด้วยความซื่อสัตย์ คุณจะยิ่งบังเกิดความปลาบปลื้มเป็นทวีคูณ เพราะได้รับผลกรรมจากการร่วมยินดีอนุโมทนาบุญของกลุ่มชนจำนวนมหาศาล


ถึงแม้ว่าหลายคนที่กำลังอ่านอยู่จะไปที่วัดเป็นประจำ และมีประสบการณ์ขอถือศีลพร้อมกับเพื่อนพ้องน้องพี่ประชาชีชาวพุทธ ก็ไม่ได้มีความหมายยิ่งใหญ่อะไรนัก เพราะจิตแต่ละคนไม่ได้ตั้งใจรักษาศีลเป็นข้อๆอย่างแท้จริง หรือแม้ขณะกล่าว ก็อาจไม่รับทราบด้วยซ้ำว่าตนกำลังตั้งสัจจะต่อหน้าพระ จะรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง!


ถ้าเรามาตกลงร่วมกัน เมื่ออ่านคอลัมน์นี้อยู่พร้อมกับแฟนบางกอกท่านอื่น ขอแค่ศีลข้อแรกข้อเดียว เพียงตั้งเจตนาอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะงดฆ่าสัตว์ งดเบียดเบียนชีวิตเพื่อนร่วมโลกเป็นเวลาหนึ่งวัน ผลกรรมที่จะเกิดขึ้นประจักษ์จิตทันทีโดยไม่ต้องให้ใครมาช่วยบอก คือปีติสุขโปร่งเบาอย่างใหญ่ หรืออย่างน้อยที่สุดคือความเบากายเบาใจต่างจากปกติ แม้ผู้ที่รู้สึกว่าตนไม่ฆ่าสัตว์อยู่แล้ว ถ้าลองตั้งใจสำทับลงไปเพื่อให้เกิดความหนักแน่นมั่นคงยิ่งขึ้น ก็จะรู้สึกถึงกระแสสุขร่วมกันได้เช่นกัน


แต่เท่านี้เห็นจะยังไม่ทำให้เกิดศรัทธาในกรรมดีสักเพียงใด ลองมองไกลไปกว่านั้นอีกหน่อย ขออัญเชิญพระพุทธพจน์อันเป็นสัจจะมาแสดง คือ


หญิงชายใดก็ตาม เบียดเบียนสัตว์เป็นประจำด้วยฝ่ามือ หรือด้วยก้อนดิน หรือด้วยท่อนไม้ หรือด้วยอาวุธ เมื่อเขาตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก และเพราะตั้งจิตคิดก่อกรรมไว้อย่างนั้น แม้เมื่อมาเป็นมนุษย์ในภายหลัง เขาก็จะเป็นคนมีโรคมาก


สรุปคือแม้ตบยุง บี้มด ฆ่าแมลง ถึงเห็นเป็นสัตว์เล็กที่ไม่น่าจะบาปหนักพอส่งเราไปลงนรก อย่างน้อยก็ย่อมทำให้เป็นโรคกวนใจเรื้อรังไม่หายขาด แต่หากเป็นตรงข้าม คือแม้โดนแมลงรบกวนอย่างไรก็ข่มใจไม่ฆ่าด้วยมือ ไม่ฆ่าด้วยสารพิษ ทำอย่างมากเพียงหาวิธีขับไล่มันไปพ้นๆ เช่นนี้จะมีวิบากเป็นผู้มีโรคน้อย


พูดง่ายๆ ขอแค่วันที่คุณอ่านนี้ ตั้งใจจะไม่ตบแม้แต่ยุงสักตัวเดียว ก็มีสิทธิ์เห็นผลได้ อย่าประหลาดใจถ้ากำหนดเจตนาแน่วแน่แล้วรู้สึกถึงน้ำจิตที่หลั่งกระแสเมตตาออกมาไพศาล เพราะเมื่อเป็นหนึ่งในผู้ร่วมกระแสย่อมรู้สึกสัมผัสชัดถึงกระแสใหญ่นั้นไปด้วย


อาศัยความจริงเกี่ยวกับผลกรรมข้อนี้เป็นตัวตั้ง อนุโมทนาร่วมกันว่าจะมีสัตว์รอดจากการถูกฆ่าจำนวนมากในวันที่กำลังอ่านนี้ คุณจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนก่อกรรมประเภทไม่เบียดเบียน เมื่อร่วมก่อกรรมก็ต้องได้ร่วมเสวยผลกรรม ยอมทดลองเพื่อพิสูจน์ผล ไม่เสียอะไรมากไปกว่าการตั้งใจจริงเพียงวันเดียวเท่านั้น


ปริมาณสัตว์ที่รอดเพราะการอธิษฐานร่วมกัน จะก่อตัวเป็นพลังใหญ่ ใช้อ้างในการทดลองอธิษฐานพิสูจน์กรรมได้ โดยคิดว่าถ้าผลของการให้อภัยสัตว์เป็นทานร่วมกันนี้มีความไพบูลย์จริง ขอให้โรคภัยไข้เจ็บเล็กใหญ่ที่เป็นอยู่ทุเลาลง ทรมานน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเร็วที่สุด


อย่าอธิษฐานแบบที่จะทำให้เสียกำลังใจ เช่นขอให้หายขาด ขอให้ไม่เป็นโรคอีกเลย เพราะกำลังบุญที่คุณทำนั้นมีกำหนดชั่วระยะวันเดียว ยังอาจสู้กับกรรมเก่าที่ทำมาเป็นปีๆเป็นชาติๆไม่ได้ อีกอย่างแม้พระพุทธองค์ก็ทรงจำแนกไว้ ว่าความป่วยไข้เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งลมฟ้าอากาศ ทั้งการบริหารร่างกายไม่สม่ำเสมอ ทั้งการทำงานหนักเกินกำลัง และทั้งการเสวยวิบากแห่งกรรม ฉะนั้นถ้าคุณเป็นโรคที่เกี่ยวกับความเฉื่อยชาไม่ออกกำลังกาย วิธีแก้ตรงๆคือออกกำลังกายให้มากขึ้น


แต่อย่างน้อยการเป็นหนึ่งในผู้เข้าโครงการอธิษฐานงดปลงชีวิตสัตว์หนึ่งวันนี้ จะมีผลให้สุขภาพของคุณดีขึ้นกว่าที่เป็นอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครจะถูกโรคใดโรคหนึ่งรบกวนอยู่ เพราะวิบากของการงดปลงชีวิตสัตว์แม้ถูกกวนใจนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะทำให้เป็นผู้มีโรคน้อย (คือแข็งแรงนั่นเอง) ในที่นี้เราทำกันแบบมีตัวคูณ ไม่ได้แยกทำเดี่ยวๆ ก็ย่อมมีแนวโน้มสูงยิ่งที่จะเห็นผลทันตา
 


ที่มา http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare001.htm

Junk Food

Potato chips, candy, popcorn and other snacks are recognized by most Americans as high-calorie foods based on fat, salt and sugar. Yet obsessive snacking is part of American daily mobility Use of food as individual escape as well as at parties, in sporting events and movies or on the street contributes to widespread problems of obesity and associated diseases. Manufacturers and marketers nonetheless make sales alluring through market placement and advertising; concessions are also important moneymakers at cinemas and sporting events. Junk food, like comfort food, can be taken as a guilty secret, yet its costs are both obvious and dangerous.
Related posts:
  1. Food and Diet Food and Diet The latest research shows that the foods...
  2. Aerial Advertising Aerial Advertising Airplanes pulling banners, skywriting (in letters as high...
  3. What Food Is Good or Bad for Your Qi? What Food Is Good or Bad for Your Qi?  Few...
  4. Perfect Food Perfect Food There is no one perfect food. We need...
Related posts brought to you by Yet Another Related Posts Plugin.

Organic Food

The idea that certain foods—organic, unprocessed, raw and often vegetarian—are more “fit” to eat than others and the promise of overall good health through diet are interwoven in the fabric of three cultural meaning systems: holistic medicine, hippie counterculture and environmentalism. Together, these discourses critically address the dominant institutional social structure and encourage an alternative natural way of life. With its rejection of the classic medical model and its focus on multiple aspects of physical condition, “alternative” medicine has moved the body from physicians’ control of physicians into the realm of personal responsibility Food becomes an important component of healthy lifestyle choices, alongside exercise and emotional well-being. Environmentalism’s decoding of social problems likewise speaks to individual accountability in the salvaging of an endangered natural equilibrium. It encourages all but abandonment of agricultural pesticides and large-scale, inhumane animal rearing in favor of organic farming and a meatless diet. Foods like tofu, meatless burgers and nuts are the dietetic signifiers of nutritional and political coherence. Finally the hippie and, more recently New Age movements equate the natural with spirituality and peace, privileging the cruelty free choice of a vegetarian diet. The disparaging adjective “junk” associated with food that is salty starchy or, like McDonald’s, fatty fast and cheap, coupled with a growing multimillion nutritional supplement and animal protein substitutes industry suggests health food is here to stay.

Related posts:
  1. Organic Farming Standards Organic Farming Standards In the past, the practices organic farmers...
  2. Food and Diet Food and Diet The latest research shows that the foods...
  3. ORGANIC FARMING ORGANIC FARMING The discovery of antibiotics in the 20th century...
  4. What Food Is Good or Bad for Your Qi? What Food Is Good or Bad for Your Qi?  Few...
  5. Diet and Nutrition Diet and Nutrition Knowing what nutrients comprise a well-balanced diet,...
Related posts brought to you by Yet Another Related Posts Plugin.

บทคาถาแผ่เมตตา

คาถาแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
--------------------------------------------------------------------------------
คาถาแผ่เมตตาตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
--------------------------------------------------------------------------------

คาถาแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่

บทเมตตา

สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

บทกรุณา

สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด

บทมุทิตา

สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด

บทอุเบกขา

สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
--------------------------------------------------------------------------------
คาถาแผ่ส่วนกุศล

อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
--------------------------------------------------------------------------------
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร

เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ

ที่มา http://www.84000.org/

27 เม.ย. 2554

คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ
ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง
ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ
ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วระลึกถึงหลวงปู่โตและตั้งคำอธิษฐานแล้วเริ่มสวด


  • เริ่มสวด นโม 3 จบ

    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
  • นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน

    ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
    อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
    อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
    มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
  • เริ่มบทพระคาถาชินบัญชร
      1. ชะยาสะนากะตา พุทธา       เชตวา มารัง สะวาหะนัง
        จะตุสัจจาสะภัง ระสัง         เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
      2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา      อัฏฐะวีสะติ นายะกา
        สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง       มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
      3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง        พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
        สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง      อุเร สัพพะคุณากะโร.
      4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ        สารีปุตโต จะทักขิเณ
        โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง    โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
      5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง       อาสุง อานันทะ ราหุโล
        กัสสะโป จะ มะหานาโม      อุภาสุง วามะโสตะเก.
      6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง        สุริโย วะ ปะภังกะโร
        นิสินโน สิริสัมปันโน          โสภิโต มุนิปุงคะโว
      7. กุมาระกัสสโป เถโร           มะเหสี จิตตะ วาทะโก
        โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง       ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
      8. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ          อุปาลี นันทะ สีวะลี
        เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา        นะลาเต ติละกา มะมะ.
      9. เสสาสีติ มะหาเถรา            วิชิตา ชินะสาวะกา
        เอเตสีติ มะหาเถรา            ชิตะวันโต ชิโนระสา
        ชะลันตา สีละเตเชนะ           อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
      10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ            ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
        ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ         วาเม อังคุลิมาละกัง
      11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ         อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
        อากาเส ฉะทะนัง อาสิ           เสสา ปาการะสัณฐิตา
      12. ชินา นานาวะระสังยุตตา         สัตตัปปาการะ ลังกะตา
        วาตะปิตตาทะสัญชาตา          พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
      13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ            อะนันตะชินะ เตชะสา
        วะสะโต เม สะกิจเจนะ          สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
      14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ           วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
        สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ        เต มะหาปุริสาสะภา.
      15. อิจเจวะมันโต            สุคุตโต สุรักโข
        ชินานุภาเวนะ           ชิตุปัททะโว
        ธัมมานุภาเวนะ          ชิตาริสังโฆ
        สังฆานุภาเวนะ          ชิตันตะราโย
        สัทธัมมานุภาวะปาลิโต   จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.
      คำแปล
    1. พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์
      ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ
      อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
    2. มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
    3. ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า
      องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ
      พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง
      พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
    4. พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา
      พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
    5. พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา
      พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
    6. มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง
      อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
    7. พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ
      มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
    8. พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี
      พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
    9. ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส
      เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน
      รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
    10. พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา
      พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
    11. พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร
      เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
    12. อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้
      ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง
      สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
    13. ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ
      เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม
      แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน
      อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น
      เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
    14. ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น
      จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร
      ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
    15. ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม
      จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า
      ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ
      แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ

      ที่มา http://www.84000.org/

การขอขมาอโหสิกรรม

คำขอขมาอโหสิกรรม





นะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3จบ)



ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ สิ่งใด ที่ข้าพเจ้า และจิตญาณทั้งหลาย ที่พ่วงพันมากับข้าพเจ้า พร้อมทั้งเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
ที่ไม่ตรงต่อสัจธรรม และกรรมอันใดที่ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ปรามาสล่วงเกิน ต่อองค์คุณเบื้องสูง ต่อองค์คุณพุทธะ มหาพุทธะ
พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระมหาโพธิสัตว์ พระอรหันต์ พระมหาอรหันต์ พระธรรมคำสอน พระอริยสงฆ์อริยเจ้าทั้งหลาย สมมติสงฆ์ทั้งหลาย อีกทั้งคุณของบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ทั้งหลาย คุณของพรหมเทพทุกชั้นภูมิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย คุณของผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย คุณศีลคุณทานทั้งหลาย คุณของจิตญาณทั้งหลายทั้งปวง

อีกทั้งกรรมอันใด อันเป็นการผิดศีลผิดธรรม และก่อให้เกิดการเบียดเบียนต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ทั้งมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย
จนก่อเกิดเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย อีกทั้งกรรมอันใด ที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยตนเองและให้ผู้อื่นต้องลุ่มหลงมัวเมา จิ้งจ้อง-ต้อง-ตั้ง
วกวนอยู่ในธาตุ4 ขันธ์5 อันเป็นกรรมซ้อนขันธ์ กรรมซ้อนธาตุ กรรมซ้อนธรรม

จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ทั้งต่อหน้าและลับหลัง จะเจตนาหรือมิได้เจตนาก็ตาม
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในทุกภพทุกชาติ ทุกกัลป์ทุกกัป ทุกพุทธันดร

บัดนี้ ข้าพเจ้าและจิตญาณทั้งหลาย ที่พ่วงพันมากับข้าพเจ้า พร้อมทั้งเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
ได้สำนึกแล้วด้วยใจ ถึงกรรมนั้นๆ ข้าพเจ้าทั้งหลาย จึงกราบขอขมา ขออโหสิกรรม
ขอองค์พุทธะ พระอรหันต์ และพระมหาโพธิสัตว์ จงได้โปรดเป็นประธาน ในการขอขมาและขออโหสิกรรมในครั้งนี้
ขอให้องค์คุณทั้งหลายทั้งปวง ได้โปรดงดโทษและอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย
เพื่อความไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา ในทุกข์โทษทั้งหลาย ให้มีการดำเนินชีวิตที่ตรงต่อการให้ การสละ เกื้อกูล
สงเคราะห์ อนุเคราะห์ ตรงต่อสัจธรรม ตรงต่อพระนิพพานอยู่แล้ว

ณ โอกาสบัดนี้ด้วยเทอญ...


เหตุ – ผล

: การขอขมาและอโหสิกรรมเป็นอริยะประเพณี เป็นพิธีกรรมที่องค์พุทธะและพระมหาโพธิสัตว์ใช้ในคราที่พระองค์ลงมาโปรดสัตว์โลก เพราะสรรพสัตว์ทั้งหลายได้เวียนว่ายตายเกิดมานับภพชาติไม่ถ้วน ด้วยความหลงจึงเกิดการกระทบกระทั่ง เกิดการปรามาสล่วงเกิน เบียดเบียน เสียดสี ทิ่มแทงกัน(กรรม)ด้วยกาย วาจา ใจจึงเป็นสิ่งที่เคยมีมาอย่างแน่นอน และด้วยเหตุดังกล่าวนั้นจึงส่งผลให้เกิดกรรมวิบาก(ผลแห่งกรรม) พ่วง-ผูกและพัวพันกันอยู่ในรูปแบบต่างๆในสังสารวัฏ สังสารวนนี้ ให้ต้องทุกข์ยาก ลำบากกันต่อไปมิรู้จบสิ้น การขอขมาและอโหสิกรรมจึงเป็นโอกาสที่สัตว์โลกจะได้คลี่คลายกรรมวิบาก นานัปการของตนเอง โดยเฉพาะกรรมวิบากที่มีผลในการขัดขวางหรือเป็นอุปสรรคในการเข้าใจเนื้อหา แห่งสัจธรรม


โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติธรรม หากเคยได้ปรามาสต่อองค์คุณเบื้องสูงมาแล้วละก็ วิบากกรรมจากเหตุดังกล่าวมีผลให้เกิดความมืดบอด หมอง มัว พร่า อึมครึม ลังเล สงสัย ไม่แจ่มชัดในพระสัจธรรม อันเป็นเหตุให้เกิดความเนิ่นช้าของปัญญาจักษุ หรืออาจก่อเป็นเหตุใหม่ในการปรามาสล่วงเกินองค์คุณต่างๆหนักขึ้นไปอีก

: การขอขมา ขออโหสิกรรม จะมีผลต่อเมื่อทำจากจิตสำนึกถึงโทษภัยที่ได้ปรามาสล่วงเกิน เบียดเบียนองค์คุณทั้งหลายทั้งปวงมา โดยเฉพาะจะมีผลมากหากได้ทำการขอขมา ขออโหสิกรรมต่อหน้าคู่กรณี(ถ้ายังมีชีวิตอยู่) แล้วได้เปล่งวาจา “อโหสิ”ซึ่งกันและกันต่อหน้าพระอรหันต์หรือองค์มหาโพธิสัตว์ อันเปรียบเหมือนเป็นองค์ประธานในพิธีการครั้งนี้ อีกทั้งจะได้เป็นการปลดล๊อค คลี่คลายกรรมวิบาก จากหนักก็จะได้เป็นเบา จากเบาก็จะหมดสิ้นกันไปได้

นอกจากนั้น ยังจะเกิดจิตสำนึกในการสำรวมระวังสังวร ในการเห็น การได้ยิน การคิดนึก การกระทำที่จะไม่เป็นการไปปรามาสล่วงเกินหรือเบียดเบียนองค์คุณทั้งหลายทั้ง ปวงอีกต่อไป

: และขอให้เข้าใจว่า การขอขมาและขออโหสิกรรม มิใช่การอ้อนวอนร้องขอ แต่เกิดจากจิตสำนึกอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจ และอย่าให้มีการ(แอบ-ซ่อน)หวังผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น

เครติดโดย คุณปรินซ์ แห่ง http://rombodhidharma.net/ นะคะ เธออรรถาธิบายไว้กระจ่างดีค่ะ